เลย 18 ก.พ. – ผู้ว่าฯ เลย ประชุมหารือแนวทางป้องกันไฟป่า ล่าสุดทำหนังสือถึงกองทัพบก ขอความอนุเคราะห์นำเครื่องบินขนรถแทรกเตอร์ขึ้นไปทำแนวกันไฟบนภูกระดึง
หลังจากเกิดไฟป่าบนภูกระดึง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันสกัดไฟ แต่ด้วยสภาพความแห้งแล้ง ประกอบกับกระแสลมพัดแรง ทำให้เกิดลูกไฟพัดลอยข้ามแนวกันไฟมาตกในพื้นที่บริเวณหลังแป ห่างจากขอบหน้าผาประมาณ 400 เมตร บริเวณผาเมษา และลามขึ้นหลังแป เจ้าหน้าที่และประชาชนจิตอาสากว่า 100 คน พร้อมด้วยรถแทรกเตอร์ 3 คัน และรถน้ำ 4 คัน เข้าควบคุม โดยการทำแนวกันไฟ และสามารถควบคุมไฟให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว ประเมินพื้นที่เสียหายประมาณ 3,400 ไร่
ล่าสุดเช้าวันนี้ (18 ก.พ.) ซึ่งบางจุดยังมีกลุ่มไฟติดอยู่ตามท่อนไม้ใหญ่ ควันไฟพวยพุ่งไปทั่วท้องฟ้า ขณะที่นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และนายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง หลังประชุมร่วมกันได้มีข้อตกลงเรื่องการป้องกันไฟป่า และแนวทางการฟื้นฟูป่าบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง โดยได้ทำหนังสือถึงกองทัพบก ขอความอนุเคราะห์นำเครื่องบินขนรถแทรกเตอร์ จำนวน 2 คัน ขึ้นภูกระดึง เพื่อนำไปทำแนวกันไฟ ส่วนการฟื้นฟูให้เป็นเรื่องของธรรมชาติฟื้นฟูตัวเอง ห่วงน้ำข้างบนไม่พอใช้สำหรับนักท่องเที่ยว
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้หมดแล้ว แต่ที่จะต้องดูแล คือ แนวดำ หรือแนวไฟที่ไหม้ไปแล้ว อย่าให้เกิดการปะทุขึ้นมาอีก ส่วนในระยะต่อไปควรจะมีเครื่องไม้เครื่องมือมาช่วย โดยประสานกับทางกองทัพบก ช่วยขนเครื่องจักรกลขึ้นมาให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้านนายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง กล่าวว่า ความเสียหายจากไฟไหม้ครั้งนี้พอสมควร ส่วนเรื่องของสัตว์ป่าที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าครั้งนี้ ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจพื้นที่ด้านใน ดูแต่รอบนอก แต่ยังไม่พบซากสัตว์ป่าแต่อย่างใด ส่วนใหญ่น่าจะออกมาทัน ในส่วนของนักท่องเที่ยว ยังคงเปิดบริการเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ใช่วันเสาร์-อาทิตย์ จะมีนักท่องเที่ยวไม่ถึง 100 คน/วัน โดยวันนี้มีนักท่องเที่ยวพักบนยอดภู 80 คน แต่ขณะนี้เรื่องของภัยแล้ง น้ำดื่ม น้ำใช้ ด้านบนเริ่มมีปัญหาแล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าน่าจะผ่านพ้นฤดูการท่องเที่ยวปีนี้ไปได้
ส่วนที่ จ.ลำปาง หลังจากเกิดไฟลุกไหม้พื้นที่ป่าบนดอยพระบาท ในเขตพื้นที่ป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ ต.บ้านเสด็จ อ.เมืองลำปาง ซึ่งไฟไหม้ลุกลามติดต่อกันเป็นวันที่ 5 แม้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พยายามเดินเท้าเข้าดับไฟอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถดับไฟได้ทั้งหมด เพราะจุดที่เกิดไฟไหม้อยู่บนดอยที่มีความสูงชัน ประกอบกับมีลมพัดแรง
เช้าวันนี้ (18 ก.พ.) กำลังเจ้าหน้าที่ชุดเหยี่ยวไฟ เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 35 เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.32 ตลอดจนประชาชนจิตอาสาพระราชทาน ต่างเร่งเดินเท้าเข้าดับไฟ โดยเปลวไฟกระจายไปตามแรงลม และเกิดไฟไหม้ลุกลามไปยังจุดอื่น ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อเจ้าหน้าที่ที่จะเดินเท้าเข้าไปใกล้กองไฟ โดยไฟยังคงไหม้ลุกลามอย่างต่อเนื่องไปยังจุดอื่นๆ เบื้องต้นพบไฟไหม้พื้นที่ป่าบนดอยพระบาทเสียหายแล้วประมาณ 2,000 ไร่
จากสถานการณ์ไฟไหม้ป่าในพื้นที่ จ.ลำปาง อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ จ.ลำปาง เกินค่ามาตรฐานทั้ง 4 จุดตรวจวัดคุณภาพอากาศ อยู่ที่ระดับ 54-58 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน. – สำนักข่าวไทย