เด้งครูฝึก ปมซ่อมนักเรียนนายสิบหมดสติเข้า รพ.

ลำปาง 28 ต.ค. – ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 สั่งเด้งครูฝึก พร้อมสั่งสอบสวนแล้ว หลังนักเรียนนายสิบตำรวจถูกครูฝึกลงโทษทั้งรุ่น 4 วัน 4 คืน จนบางคนช็อกหมดสติต้องหามส่งโรงพยาบาล


หลังนักเรียนนายสิบตำรวจโพสต์ภาพและข้อความพร้อมตั้งคำถามถึงการถูกไม่ให้ใช้โทรศัพท์ในศูนย์ฝึกอบรมตำรวจประจำภาคเหนือ โดยระบุข้อความ “ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจของภาคเหนือทําไมล้าหลังจังครับ เป็นนักเรียนมา 1 ปีแล้วโทรศัพท์ก็ยังไม่ให้ใช้ ทั้งๆ ที่แต่ละวันคดีที่ประชาชนมาแจ้งมากที่สุดเป็นคดีโกงออนไลน์ คดีแฮกเฟซเยอะมาก เราก็ทำได้แค่รับแจ้งความ ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะเราไม่ได้เรียนเกี่ยวกับเทคโนโลยีมา เราเลยทำอะไรไม่ได้ โทรศัพท์มือถือยังไม่ให้ใช้เลย ทั้งๆ ที่โลกมันไปถึงไหนแล้ว แต่ศูนย์ฝึกก็ยังไม่ยอมให้ใช้โทรศัพท์” หลังจากโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้เพื่อนๆ ในรุ่นต่างมาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็น

เรื่องดังกล่าวไปถึงครูฝึก ทำให้ครูฝึกเรียกทั้งรุ่นมาลงโทษ หรือ “ซ่อม” โดยให้นักเรียนซ่อมกันตั้งแต่หลังเลิกเรียนช่วง 5 โมงเย็น จนกว่าครูฝึกจะพอใจ ทำแบบนี้มา 4 วัน 4 คืน ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งเมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 ต.ค. เวลาประมาณ 22.30 น. มีรถกู้ภัยวิ่งเข้ามาภายในศูนย์ฝึกเพื่อรับนักเรียนที่เกิดอาการ ช็อกหมดสติและเป็นลมระหว่างโดนซ่อม ทำให้ต้องแอดมิทโรงพยาบาล และปฐมพยาบาลนักเรียนที่เป็นลมและหมดแรงอีกประมาณ 10 คน


ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค5 (ศฝร.) พบกับ พ.ต.อ.สุริยงค์ วุฒิ รรท.ผบก.ศฝร.ภ.5 เปิดเผยว่า ปกติแล้วทางศูนย์ฝึกจะให้ใช้โทรศัพท์ แต่จะมีข้อห้ามเรื่องใช้ระหว่างเรียนและในโรงนอน เพราะอาจจะเป็นการรบกวนเพื่อน ถ้าจะใช้ควรใช้เมื่อจำเป็นจะดีกว่า ส่วนเรื่องครูฝึกทั้ง 4 คน ตอนนี้สั่งย้ายออกมาอยู่ที่ ศปก. ก่อน เพื่อสอบข้อเท็จจริง และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก

สอบถามนักเรียนที่ถูกหามส่งโรงพยาบาลในวันเกิดเหตุทั้ง 3 คน โดยนักเรียนคนที่ 1 บอกว่าตนเองเป็นเพนิกอยู่แล้วและไม่สบายในวันนั้น แต่ไม่กล้าบอกครูฝึก เพราะกลัวโดนดุ ทำให้ร่างกายรับไม่ไหวจึงล้มลงไปกองกับพื้น ส่วนคนที่ 2 เล่าว่าไม่ได้เจ็บป่วย แต่ด้วยที่ฝึกต่อเนื่องมาหลายวันและฝึกหนักมาก ทำให้เริ่มรู้ตัวว่าจะไม่ไหว ไม่กล้าบอกครูฝึกจนล้มลง ส่วนคนที่ 3 บอกว่าตนเองตอนแรกคิดว่าไหว พยายามฝึกต่อโดยไม่ได้บอกครูฝึก ซึ่งท่าการฝึกก็เป็นท่าปกติ แต่อาจจะเป็นเพราะใช้เวลาในการฝึกนาน จนตนเองหายใจไม่ออก ทำให้เป็นลม

ด้านศูนย์ฝึกตำรวจภูธรภาค 5 ออกหนังสือชี้แจงว่า กรณีเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 20.00-21.00 น. เป็นชั่วโมงการกวดขันวินัยนักเรียนนายสิบตำรวจของครูฝึกตามปกติ และเป็นชั่วโมงผู้บังคับบัญชา ครูฝึกเห็นว่านักเรียนไม่มีระเบียบวินัย จึงสั่งให้ลงโทษทางวินัย (ใช้ท่ากายบริหารปกติ) ปรากฏว่ามีนักเรียน 3 นาย ลักษณะอ่อนเพลียจะเป็นลม ครูฝึกปฐมพยาบาลในเบื้องต้น และนำทั้ง 3 นาย ส่งโรงพยาบาลห้างฉัตร จ.ลำปาง ซึ่งแพทย์วินิจฉัยโรคว่าเป็นกลุ่มอาการไฮเปอร์เวนทิเลชั่น ( Hyperventilation ) เมื่อนักเรียนทั้ง 3 นาย มีอาการดีขึ้น ครูฝึกจึงนำกลับมาพักผ่อนที่กองร้อย วันรุ่งขึ้นได้เข้าเรียนตามปกติ ไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด


ทั้งนี้ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 ได้ออกคำสั่งที่ 300/2567 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2567 ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่ครูฝึก จำนวน 4 นาย ไปปฏิบัติหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 และอยู่ระหว่างการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวต่อไป

พ.ต.อ.เกริกกมล แย้มประยูร นายแพทย์ (สบ 5) หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า อาการไฮเปอร์เวนทิเลชั่นซินโดรม เป็นอาการที่มักพบในกลุ่มวัยเรียนหรือผู้ใหญ่ตอนต้น ส่วนมากพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เป็นกลุ่มอาการหายใจเกิน ผู้ป่วยจะมีอาการหอบ หายใจเร็ว หายใจลึก เวียนศีรษะ หน้ามืด และใจสั่น เมื่อหายใจเร็วร่างกายจะขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมากเกินไป ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นด่าง ส่งผลต่อแคลเซียมในร่างกายลดลง มีผลต่อระบบกล้ามเนื้อ เช่น ทำให้มีอาการมือจีบ เกร็ง หรือชาที่ปาก

หากเป็นครั้งแรกควรรีบนำส่งโรงพยาบาล เพื่อตรวจวินิจฉัยให้ชัดเจนว่าเป็นโรคที่เกิดทางใจหรือทางกาย โรคทางกาย เช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือไทรอยด์เป็นพิษ โดยเฉพาะหากพบในผู้ใหญ่ หรือผู้ที่มีอายุมาก จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคทางกายมากกว่าเป็นโรคไฮเปอร์เวนทิเลชั่นซินโดรม

ส่วนการรักษาเบื้องต้นจะต้องควบคุมการหายใจ โดยให้ผู้ป่วยหายใจโดยการใช้กล้ามเนื้อท้องเพื่อให้การหายใจช้าลง หรือการใช้ถุงครอบปากและจมูกเพื่อควบคุมการหายใจเกิน อาการที่เกิดขึ้นดูจะรุนแรงและเฉียบพลัน แต่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต รวมถึงไม่ได้นำสู่โรคอื่นๆ ที่มีอันตรายร้ายแรงอื่นๆ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]

อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร ย่องให้ข้อมูลตำรวจกองปราบ

12 ก.ค. – อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร แอบย่องเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจกองปราบ เวลา 12.05 น. วันที่ 12 กรกฎาคม 2568 อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เบื้องต้นส่วมชุด โปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าวันนี้เข้ามาให้ปากคำกรณีที่ ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสวัดโสธรฯ ไม่ตอบแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมต่ออีกว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่นั้น ด้านอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน.-414-สำนักข่าวไทย