เด้งครูฝึก ปมซ่อมนักเรียนนายสิบหมดสติเข้า รพ.

ลำปาง 28 ต.ค. – ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 สั่งเด้งครูฝึก พร้อมสั่งสอบสวนแล้ว หลังนักเรียนนายสิบตำรวจถูกครูฝึกลงโทษทั้งรุ่น 4 วัน 4 คืน จนบางคนช็อกหมดสติต้องหามส่งโรงพยาบาล


หลังนักเรียนนายสิบตำรวจโพสต์ภาพและข้อความพร้อมตั้งคำถามถึงการถูกไม่ให้ใช้โทรศัพท์ในศูนย์ฝึกอบรมตำรวจประจำภาคเหนือ โดยระบุข้อความ “ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจของภาคเหนือทําไมล้าหลังจังครับ เป็นนักเรียนมา 1 ปีแล้วโทรศัพท์ก็ยังไม่ให้ใช้ ทั้งๆ ที่แต่ละวันคดีที่ประชาชนมาแจ้งมากที่สุดเป็นคดีโกงออนไลน์ คดีแฮกเฟซเยอะมาก เราก็ทำได้แค่รับแจ้งความ ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะเราไม่ได้เรียนเกี่ยวกับเทคโนโลยีมา เราเลยทำอะไรไม่ได้ โทรศัพท์มือถือยังไม่ให้ใช้เลย ทั้งๆ ที่โลกมันไปถึงไหนแล้ว แต่ศูนย์ฝึกก็ยังไม่ยอมให้ใช้โทรศัพท์” หลังจากโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้เพื่อนๆ ในรุ่นต่างมาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็น

เรื่องดังกล่าวไปถึงครูฝึก ทำให้ครูฝึกเรียกทั้งรุ่นมาลงโทษ หรือ “ซ่อม” โดยให้นักเรียนซ่อมกันตั้งแต่หลังเลิกเรียนช่วง 5 โมงเย็น จนกว่าครูฝึกจะพอใจ ทำแบบนี้มา 4 วัน 4 คืน ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งเมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 ต.ค. เวลาประมาณ 22.30 น. มีรถกู้ภัยวิ่งเข้ามาภายในศูนย์ฝึกเพื่อรับนักเรียนที่เกิดอาการ ช็อกหมดสติและเป็นลมระหว่างโดนซ่อม ทำให้ต้องแอดมิทโรงพยาบาล และปฐมพยาบาลนักเรียนที่เป็นลมและหมดแรงอีกประมาณ 10 คน


ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค5 (ศฝร.) พบกับ พ.ต.อ.สุริยงค์ วุฒิ รรท.ผบก.ศฝร.ภ.5 เปิดเผยว่า ปกติแล้วทางศูนย์ฝึกจะให้ใช้โทรศัพท์ แต่จะมีข้อห้ามเรื่องใช้ระหว่างเรียนและในโรงนอน เพราะอาจจะเป็นการรบกวนเพื่อน ถ้าจะใช้ควรใช้เมื่อจำเป็นจะดีกว่า ส่วนเรื่องครูฝึกทั้ง 4 คน ตอนนี้สั่งย้ายออกมาอยู่ที่ ศปก. ก่อน เพื่อสอบข้อเท็จจริง และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก

สอบถามนักเรียนที่ถูกหามส่งโรงพยาบาลในวันเกิดเหตุทั้ง 3 คน โดยนักเรียนคนที่ 1 บอกว่าตนเองเป็นเพนิกอยู่แล้วและไม่สบายในวันนั้น แต่ไม่กล้าบอกครูฝึก เพราะกลัวโดนดุ ทำให้ร่างกายรับไม่ไหวจึงล้มลงไปกองกับพื้น ส่วนคนที่ 2 เล่าว่าไม่ได้เจ็บป่วย แต่ด้วยที่ฝึกต่อเนื่องมาหลายวันและฝึกหนักมาก ทำให้เริ่มรู้ตัวว่าจะไม่ไหว ไม่กล้าบอกครูฝึกจนล้มลง ส่วนคนที่ 3 บอกว่าตนเองตอนแรกคิดว่าไหว พยายามฝึกต่อโดยไม่ได้บอกครูฝึก ซึ่งท่าการฝึกก็เป็นท่าปกติ แต่อาจจะเป็นเพราะใช้เวลาในการฝึกนาน จนตนเองหายใจไม่ออก ทำให้เป็นลม

ด้านศูนย์ฝึกตำรวจภูธรภาค 5 ออกหนังสือชี้แจงว่า กรณีเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 20.00-21.00 น. เป็นชั่วโมงการกวดขันวินัยนักเรียนนายสิบตำรวจของครูฝึกตามปกติ และเป็นชั่วโมงผู้บังคับบัญชา ครูฝึกเห็นว่านักเรียนไม่มีระเบียบวินัย จึงสั่งให้ลงโทษทางวินัย (ใช้ท่ากายบริหารปกติ) ปรากฏว่ามีนักเรียน 3 นาย ลักษณะอ่อนเพลียจะเป็นลม ครูฝึกปฐมพยาบาลในเบื้องต้น และนำทั้ง 3 นาย ส่งโรงพยาบาลห้างฉัตร จ.ลำปาง ซึ่งแพทย์วินิจฉัยโรคว่าเป็นกลุ่มอาการไฮเปอร์เวนทิเลชั่น ( Hyperventilation ) เมื่อนักเรียนทั้ง 3 นาย มีอาการดีขึ้น ครูฝึกจึงนำกลับมาพักผ่อนที่กองร้อย วันรุ่งขึ้นได้เข้าเรียนตามปกติ ไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด


ทั้งนี้ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 ได้ออกคำสั่งที่ 300/2567 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2567 ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่ครูฝึก จำนวน 4 นาย ไปปฏิบัติหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 และอยู่ระหว่างการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวต่อไป

พ.ต.อ.เกริกกมล แย้มประยูร นายแพทย์ (สบ 5) หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า อาการไฮเปอร์เวนทิเลชั่นซินโดรม เป็นอาการที่มักพบในกลุ่มวัยเรียนหรือผู้ใหญ่ตอนต้น ส่วนมากพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เป็นกลุ่มอาการหายใจเกิน ผู้ป่วยจะมีอาการหอบ หายใจเร็ว หายใจลึก เวียนศีรษะ หน้ามืด และใจสั่น เมื่อหายใจเร็วร่างกายจะขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมากเกินไป ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นด่าง ส่งผลต่อแคลเซียมในร่างกายลดลง มีผลต่อระบบกล้ามเนื้อ เช่น ทำให้มีอาการมือจีบ เกร็ง หรือชาที่ปาก

หากเป็นครั้งแรกควรรีบนำส่งโรงพยาบาล เพื่อตรวจวินิจฉัยให้ชัดเจนว่าเป็นโรคที่เกิดทางใจหรือทางกาย โรคทางกาย เช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือไทรอยด์เป็นพิษ โดยเฉพาะหากพบในผู้ใหญ่ หรือผู้ที่มีอายุมาก จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคทางกายมากกว่าเป็นโรคไฮเปอร์เวนทิเลชั่นซินโดรม

ส่วนการรักษาเบื้องต้นจะต้องควบคุมการหายใจ โดยให้ผู้ป่วยหายใจโดยการใช้กล้ามเนื้อท้องเพื่อให้การหายใจช้าลง หรือการใช้ถุงครอบปากและจมูกเพื่อควบคุมการหายใจเกิน อาการที่เกิดขึ้นดูจะรุนแรงและเฉียบพลัน แต่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต รวมถึงไม่ได้นำสู่โรคอื่นๆ ที่มีอันตรายร้ายแรงอื่นๆ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”

วางระเบิด 4 ลูก เกาะกลางถนนหน้าโรงเรียน จ.นราธิวาส

เช้ามืดวันนี้ (21 พ.ย.) เกิดระเบิดขึ้นอีก 4 ลูก บริเวณเกาะกลางถนนหน้าโรงเรียนบ้านฮูแตทูวอ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน