ส่งตรวจ DNA ชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ในซากเก๋งจมน้ำ 3 ปี

สระบุรี 10 ธ.ค. – กรณีพบโครงกระดูกมนุษย์ในรถเก๋งจมน้ำนาน 3 ปี โผล่กลางคลองชัยนาท-ป่าสัก รองผู้การสระบุรีเผยมีโอกาสที่โครงกระดูกดังกล่าวเป็นของเซลส์สาวเจ้าของรถ 99% ส่วนอีก 1% รอผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันขั้นสุดท้าย พบเบาะแสมีชายเกี่ยวข้องช่วงเวลาเกิดเหตุ 2 คน


โครงกระดูกมนุษย์มีทั้งกะโหลกศีรษะ ซี่โครง และชิ้นส่วนร่างกาย ถูกพบในรถเก๋งที่จมน้ำนาน 3 ปี ก่อนโผล่ขึ้นมากลางคลองน้ำชัยนาท-ป่าสัก หมู่ 1 ต.หนองโป่ง อ.หนองโดน จ.สระบุรี ตรวจสอบทะเบียนรถ ผู้ครอบครองคือ น.ส.กลิ่นเกสร วงษ์สิงห์ อายุ 36 ปี เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง เนื่องจากมีผ้าที่ปูนอนมัดร่างผู้ตาย แม่ผู้สูญหายให้การว่า ก่อนเสียชีวิตได้คบหากับชายสูงอายุ เจ้าของกิจการผลิตปุ๋ยในอำเภอพระพุทธบาท ขับรถคันที่จมน้ำออกจากบ้านไป 3 ปีก่อน และติดต่อไม่ได้อีกเลย 


พ.ต.ท.ณัฏฐวร กันธายอด สารวัตรเวรสอบสวน สภ.หนองโดน เปิดเผยว่า ได้สอบปากคำนางลั่นทม วงษ์สิงห์ แม่ของผู้ตาย ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (9 ธ.ค.) ส่วนโครงกระดูกส่งตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งจะตรวจดีเอ็นเปรียบเทียบกับนางลั่นทม แม่ของ น.ส.กลิ่นเกสร ว่าตรงกันหรือไม่ น่าจะรู้ผลภายใน 10-15 วัน ส่วนการออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัย ต้องหาพยานหลักฐานเพิ่ม เช่น ต้องสอบปากคำเพื่อนที่ทำงานเป็นเซลส์ด้วยกันตั้งแต่ 3 ปีก่อน 


ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกันบริษัทวิริยะประกันภัย เข้าพบ พ.ต.ท.ณัฏฐวร กันธายอด เพื่อตรวจสอบหลักฐานว่า น.ส.กลิ่นเกสร วงษ์สิงห์ เป็นเจ้าของรถตามกรมธรรม์ รวมทั้งตรวจสอบรถก่อนนำข้อมูลเสนอส่งกลับบริษัทต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ วิเชียรสรรค์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สระบุรี เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีกับสำนักข่าวไทยว่า จากพยานหลักฐานและพยานแวดล้อมต่างๆ ทั้งทะเบียนรถ ยี่ห้อรถ เครื่องประดับสร้อยข้อมือที่พบในรถ มีโอกาสที่โครงกระดูกดังกล่าวจะเป็นของ น.ส.กลิ่นเกสร ถึง 99% แต่ต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ ยืนยันอีกครั้ง ขณะนี้ตั้งประเด็นการสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิต ไว้ 2-3 ประเด็น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ จากการสอบสวนเบื้องต้นพบมีชาย 2 คนที่เกี่ยวข้องกับผู้สูญหายในช่วงวันเวลาเกิดเหตุเมื่อ 3 ปีก่อน อาจยังอยู่ในพื้นที่หรืออยู่ต่างจังหวัด

ส่วนกรณีที่แม่ผู้สูญหายให้การว่า ก่อนเสียชีวิตได้คบหากับชายสูงอายุ เจ้าของกิจการผลิตปุ๋ย จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายเรียก เนื่องจากต้องรอผู้บังคับบัญชาสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (11 ธ.ค.) พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จะเดินทางมาประชุมแบ่งงานและสั่งการดำเนินการสืบสวนสอบสวน คาดว่าจะมีความคืบหน้าชัดเจนภายใน 1-2 วันนี้. – สำนักข่าวไทย  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

เร่งพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูกเซลส์สาวดับคาเก๋งจมน้ำนาน 3 ปี

พบศพเซลส์สาวในรถเก๋งจมคลองนาน 3 ปี เชื่อฆาตกรรมอำพราง

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง