แค่เรื่องสุนัข ยกพวกยิงถล่มบ้าน เด็ก 14 รับเคราะห์แทนพ่อ

นครศรีธรรมราช 9 พ.ย.-แค้นสุนัขถูกเพื่อนบ้านไล่ไม่ให้กินน้ำหวาน พาพวกยิงถล่ม แต่ลูกสาวรับเคราะห์แทนพ่อกระสุนเข้าที่ศีรษะเสียชีวิต และเด็กที่บ้านใกล้กันถูกลูกหลง เจ็บอีก 1 คน ขณะที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ทันควัน 1 คน แต่ยังให้การปฏิเสธ


จากเหตุคนร้าย 3-4 คน บุกยิงถล่มบ้านเลขที่ 88/4 หมู่ 11 ต.ปาปกพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ทำให้เด็กหญิงศศิประภา ยี่สุ่นแซม อายุ 14 ปี ที่นอนดูโทรทัศน์อยู่ในบ้าน ถูกยิงเข้าที่ศีรษะบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้มีผู้ถูกลูกหลงบาดเจ็บอีก 1 คน คือด.ช.ภัทรพงศ์ บุหงอ อายุ 4 ขวบ ซึ่งบ้านอยู่ใกล้ กัน ในช่วงเช้า พลตำรวจตรีสนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อเก็บหลักฐานของคนร้าย พบกระสุนปืนขนาด 9 มม. เพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จากการสอบสวนนายวิชัย ยี่สุ่นแซม อายุ 39 ปี พ่อของ ด.ญ.ศศิประภา ให้การว่า สาเหตุเชื่อว่ามาจากเหตุการณ์ที่ตนเองทะเลาะกับเพื่อนบ้านคนหนึ่ง เมื่อวานนี้ตอนกลางวัน เรื่องสุนัขไปกินน้ำหวาน แล้วตนไปไล่ ทำให้เพื่อนบ้านคนดังกล่าวไม่พอใจ ก่อนจะมีปากเสียงทะเลาะกัน จากนั้นช่วงกลางคืน ปรากฏว่ามีกลุ่มคนร้าย ซึ่งน่าจะเป็นพวกเดียวกันกับเพื่อนบ้านคนดังกล่าว ใช้ปืนยิงถล่มบ้านตนและบ้านญาติพี่น้อง แต่ตนเองไม่อยู่ ทำให้ลูกสาวคนโต และลูกเพื่อนบ้านรับเคราะห์แทน   


จากการตรวจสอบพบว่า มีบ้านถึง 3 หลัง ที่ถูกคนร้ายยิงถล่ม ซึ่งทั้งหมดเป็นเครือญาติ ปลูกบ้านในบริเวณเดียวกัน ทำให้ ด.ช.ภัทรพงศ์ บาดเจ็บ ซึ่งล่าสุดอาการปลอดภัย แพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว และมีรถยนต์ถูกยิงเสียหายอีก 1 คัน คนร้ายมาด้วยกัน 4 คน สวมเสื้อดำใส่หมวกทุกคน โดยสารรถยนต์ 1 คัน รถจักรยานยนต์ อีก 1 คัน เข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านเกิดเหตุทั้ง 3 หลัง ก่อนกระจายกันใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่บ้านของนายวิชัยอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเดินออกมายิงบ้านและรถของญาติพี่น้องที่อยู่ในระแวกเดียวกัน แล้วกลับขับรถหลบหนี ท่ามกลางความตกใจของชาวบ้าน 

และขณะตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทางโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช แจ้งว่าด.ญ.ศศิประภา สิ้นใจแล้ว ทำให้ญาติพี่น้อง รวมทั้งนายวิชัยและนางทัดดาว พ่อกับแม่ของเด็กถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก นางทัดดาวถึงกับเป็นลมหมดสติ บรรยากากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า ก่อนที่ครอบครัวจะเดินทางมาไปโรงพยาบาลเพื่อรับศพ ด.ญ.ศศิประภา มาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน 

ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน คือนายอนุศักดิ์ แดงเดช อายุ 27 ปี ขณะกำลังเดินสะพายปืนลูกซองยาวอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ซึ่งให้การปฏิเสธ เบื้องต้น ตำรวจตั้งข้อหา ผิด พรบ.อาวุธปืนไว้ก่อน 

พลตำรวจตรีสนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า ขณะนี้มีข้อมูลทั้งหมดแล้ว กำลังเร่งติดตามรถยนต์และกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะจะทำให้เสียรูปคดี มั่นใจสามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้ เพราะคดีไม่ซับซ้อน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง