ทำเนียบฯ 29 ต.ค.-“สมคิด” เผยการหารืออุปทูตสหรัฐฯ กรณีสหรัฐฯ ระงับ GSP กับไทย ไม่เกี่ยวกับการแบน 3 สารเคมี แต่เป็นช่วงจังหวะเวลาที่ใกล้เคียงกัน ระบุการระงับ GSP ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ยังสามารถเจรจาพูดคุยกันได้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยว่าได้มีการพูดคุยถึงกรณีสหรัฐฯ ระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรสินค้า (GSP) ว่ายังไม่เป็นมติที่สิ้นสุด ซึ่งยังสามารถพูดคุยกันได้ โดยไทยจะใช้โอกาสในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 35 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ พูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ หาความร่วมมือที่เหมาะสมระหว่างกัน
“อุปทุตสหรัฐฯ ยืนยันว่าการระงับสิทธิจีเอสพี ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่รัฐบาลไทยจะแบนสารเคมี 3 ชนิด เพียงแต่ได้รับคำชี้แจงว่าเป็นช่วงเวลาที่บังเอิญใกล้เคียงกันกับมาตรการของสหรัฐฯ ที่จะออกมาและเรื่องดังกล่าวไม่ใช่การเมืองระหว่างประเทศ เพราะไทยและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน” นายสมคิด กล่าว
ส่วนปัญหาเรื่องแรงงานที่ทำให้สหรัฐฯ หยิบยกขึ้นมาระงับสิทธิจีเอสพีไทยนั้น นายสมคิด กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีการหารือกัน แต่พูดถึงความร่วมมือที่จะดำเนินการร่วมกันในอนาคต
นายสมคิด ยังกล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เสนอให้รัฐบาลไทยเจรจากับสหรัฐฯ ในลักษณะของคู่ค้ามากกว่าเป็นลูกไล่ ว่า มิตรภาพระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ รัฐบาลจะไม่นำเรื่องเหล่านี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง และอย่าลืมว่าสหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น เป็นประเทศใหญ่ การสร้างสัมพันธ์เป็นเรื่องดี ขณะที่เรื่องใดที่ไม่เป็นธรรม ก็ต้องเจรจา ทุกอย่างต้องมีการเกื้อกูลกันด้วยหลักเหตุและผล และการที่อุปทูตสหรัฐฯ มาเข้าพบในวันนี้ (29 ต.ค.) ถือเป็นการให้เกียรติรัฐบาลไทยแล้ว
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้กระทรวงอุตสากรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งคณะทำงานศึกษาผลกระทบจากการแบน 3 สารเคมี เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถหาสารเคมีที่จะมาใช้ทดแทนทั้ง 3 สารเคมีที่จะยกเลิกได้.-สำนักข่าวไทย