กรุงเทพฯ 21 ต.ค. – รมช.เกษตรฯ ยืนยันส่งเสริมใช้สารชีวภัณฑ์ทดแทนสารเคมี สั่งกรมวิชาการเกษตรเปิดรับขึ้นทะเบียนมากขึ้น กลุ่มสตรีมุสลิม 4 ภาคหอบดอกไม้ให้กำลังใจที่กล้าหาญประกาศจุดยืนเพื่อสุขภาพคนไทย
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ลุ้นทุกวินาที รอมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันพรุ่งนี้ (22 ต.ค.) ว่า จะมีความเห็นอย่างไร วันนี้แม้มีกฎกระทรวงจำกัดการใช้สารเคมี แต่เกษตรกรไทยมีสักกี่คนที่จะแยกออกว่าต้องใช้สารอะไรในการป้องกันกำจัดวัชพืชใบแคบหรือวัชพืชใบกว้าง เกษตรกรทราบแต่ว่าเมื่อเพาะปลูกพืชแล้ว มีต้นอะไรที่ไม่ต้องการมองว่า เป็นวัชพืชก็จะซื้อสารเคมีมาฉีดพ่น เพราะหาได้ง่าย อีกทั้งหญ้าก็ขึ้นไปทั่ว ไม่จำเพาะในแปลงพืช 6 ชนิด ได้แก่ อ้อย ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด และไม้ผล ตามประกาศกระทรวงเกษตรฯ ที่ให้ใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดได้ จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะพบการปนเปื้อนของสารเคมีอันตรายทั้งในผลผลิตการเกษตรทุกชนิดและสิ่งแวดล้อม
หลังจากนี้จะหยิบยกปัญหาเรื่องการขึ้นทะเบียนสารชีวภัณฑ์และปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรขึ้นทะเบียนให้ยากมาแก้ไข โดยให้สามารถขึ้นทะเบียนง่ายขึ้น เนื่องจากปัจจุบันตลาดต้องการพืชผักผลไม้อินทรีย์ปลอดภัยจากสารเคมี แต่ต้องตรวจสอบว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอกำจัดวัชพืชและศัตรูพืชได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อคนและสิ่งแวดล้อม
“จะเปิดกว้างขึ้นทะเบียนสูตรสมุนไพรที่มีฤทธิ์กำจัดวัชพืชและศัตรูพืชที่คิดค้นโดยภูมิปัญญาชาวบ้าน ไม่ใช่ใครทำอะไรก็ไปจับกุมหมด ทำให้ปุ๋ยอินทรีย์และน้ำหมักสมุนไพรไม่ได้รับการนำมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง จากนี้จะให้กรมวิชาการเกษตรนำมาขึ้นทะเบียน โดยลดข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้ได้ ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเปิดใจกว้างยอมรับสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและผู้บริโภคให้มากขึ้น” นางสาวมนัญญา กล่าว
วันนี้เครือข่ายสตรีมุสลิม 4 ภาค นำช่อดอกไม้มามอบเพื่อเป็นกำลังใจให้นางสาวมนัญญา พร้อมสนับสนุนให้เดินหน้าแบนสารเคมีการเกษตร 3 ชนิดต่อไป โดยนางสาวกิ่งแก้ว ช่วยกาญจน์ นายกสมาคมสตรีมุสลิมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า พร้อมต่อสู้เคียงข้างนางสาวมนัญญา ซึ่งเป็นสตรีที่มีความกล้าหาญในการประกาศยกเลิกใช้สารเคมี ทำให้ในสังคมไทยหันมาใส่ใจเรื่องพิษภัยจากสารเคมีทางการเกษตร ตนทำงานในกระทรวงสาธารณสุขพบว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นจากผลของสารเคมีการเกษตรที่ปนเปื้อนทั้งในพืชผัก ผลไม้ รวมถึงดินและน้ำ คิดว่ากระทรวงเกษตรฯ ต้องเป็นต้นทางที่จะไม่ใช้สารเคมีเหล่านี้ แม้จะมีมาตรการจำกัดการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด โดยแนะนำวิธีใช้และเข้มงวดการซื้อขาย สุดท้ายเชื่อว่าจะพบการปนเปื้อนของสาร 3 ชนิดนี้ในผลผลิตการเกษตรแน่นอน ในฐานะแม่มองว่าไม่อยากให้ผู้ใหญ่ในคณะกรรมการวัตถุอันตรายขโมยชีวิตเด็กไทยไปเมื่อทราบว่ามีพิษก็ไม่ควรให้ใช้ต่อไป
“ดีใจมากที่มีนักการเมืองระดับประเทศต่อสู้เพื่อคนไทย ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะมีวันนี้ ทำฐานข้อมูลเรื่องโรคจำนวนมากของเกษตรกรมาจากสารเคมี ปีหนึ่งประเทศไทยใช้งบประมาณจำนวนมากเป็นค่ารักษาอาการเจ็บป่วยจากการใช้สารเคมี ที่เห็นชัด คือ เกษตรกรไทยมีหนี้สินและคนไทยเป็นโรคมากขึ้น” นางสาวกิ่งแก้ว กล่าว.-สำนักข่าวไทย