กรุงเทพฯ 1 ต.ค. – กรมควบคุมมลพิษ ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ พบเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ สูงสุดที่เขตบางพลัด 81 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
ช่วงเช้าวันนี้ (1 ต.ค.) กรมควบคุมมลพิษ ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่าง 40-81 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ในหลายพื้นที่ สูงสุดที่เขตบางพลัด 81 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร รองลงมา เขตบางขุนเทียน เขตดินแดง เขตหลักสี่ เขตบางคอแหลม และเขตบางซื่อ เฉลี่ย 70-78 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
ส่วนพื้นที่ปริมณฑล สูงสุดที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 61 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร รวมพื้นที่มีปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 เกินเกณฑ์มาตรฐาน 38 พื้นที่ ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า สาเหตุเนื่องจากสภาพอากาศช่วงเช้าลมสงบ อากาศมีความชื้นสูง จึงทำให้ฝุ่นละอองสะสมเพิ่มขึ้น
กรมควบคุมมลพิษ ประสาน กทม. บก.จร. กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง และขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่งทุกชนิด บำรุงรักษาเครื่องยนต์ไม่ให้เกิดควันดำ ใช้ระบบขนส่งสาธารณะทดแทนการใช้รถส่วนบุคคล ตรวจสอบและไม่ใช้รถขนส่งสาธารณะที่มีควันดำ รวมทั้งขอความร่วมมือสถานที่ก่อสร้างและโรงงานอุตสาหกรรม ควบคุมและลดการระบายฝุ่นและมลพิษทางอากาศ
ขณะที่การตรวจสอบค่าฝุ่นละอองล่าสุดในพื้นที่ จ.อ่างทอง จากแอปพลิเคชัน AirVisual อยู่ในระดับ 58.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งจัดอยู่ในช่วงโซนที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ทำให้หลายฝ่ายเกิดข้อกังวลว่า ค่าฝุ่นละอองที่ตรวจพบจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นพ.วรงค์ รุ่งเรือง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอ่างทอง เตือนประชาชนกลุ่มเสี่ยงหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และการออกกำลังกายกลางแจ้ง ซึ่งหากพบอาการผิดปกติ มีอาการแสบจมูก หายใจติดขัด วิงเวียนศีรษะ ขอให้ไปปรึกษาแพทย์ หากเป็นไปได้ควรสวมหน้ากากอนามัยกันฝุ่นในช่วงนี้ ปริมาณค่าฝุ่นละอองอยู่ในโซนเหลืองถึงส้ม ซึ่งอยู่ในจุดเฝ้าระวัง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง หากหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งไม่ได้ ก็ควรหาหน้ากากอนามัยสวมใส่ แต่เน้นเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ส่วนยอดผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจในช่วงนี้ยังคงมีปริมาณไม่เพิ่มขึ้น แต่ได้สั่งการให้หน่วยงานระบาดวิทยาของสาธารณสุขจังหวัดอ่างทอง และทุกหน่วยงานของสาธารณสุข เฝ้าระวังเป็นพิเศษแล้ว
น.ส.กรรวี สิทธิชีวภาค รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงสถานการณ์สภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ช่วงที่ค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ ว่า หลังจากวันนี้จนถึงวันที่ 6 ตุลาคม พื้นที่ประเทศไทยตอนบน รวมถึงกรุงเทพฯ จะมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ประมาณร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40-60 เนื่องจากช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีมวลอากาศเย็นปกคลุม บวกกับลมที่พัดเข้ามาในบ้านเรา เป็นลมเหนือ และลมตะวันออก ส่งผลให้สภาพอากาศตอนบน รวมถึงกรุงเทพฯ จะค่อนข้างแห้งและนิ่ง ฝุ่นจึงลอยตัวในอากาศไม่ไปไหน แต่หลังจากวันนี้ ลมจะที่ปกคลุมบ้านเราจะเปลี่ยนเป็นลมใต้ พัดเอาความชื้นจากทะเลเข้ามาในพื้นที่ บวกกับเริ่มมีมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุม เกิดความแปรปรวน ทำให้ช่วงนี้จะมีฝนเพิ่ม น่าจะช่วยให้สถานการณ์ฝุ่นละอองดีขึ้นได้บ้าง
สำหรับสภาพอากาศในช่วงนี้จะเริ่มเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนแปลงฤดูจากฝนไปสู่หนาว จึงทำให้มีความแปรปรวนพอสมควร ช่วงครึ่งเดือนแรก ตอนบนของประเทศจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น แต่หลังจากนั้นฝนจะค่อยๆ ลดปริมาณลง อาจทำให้สถานการณ์ค่าฝุ่นละอองกลับมาเกิดขึ้นได้อีกครั้ง เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สถานการณ์ฝุ่นมักจะเกิดในช่วงปลายปีที่อากาศเย็น นิ่ง และจมตัว. – สำนักข่าวไทย