กรมธนารักษ์ 1 ต.ค. – อธิบดีธนารักษ์คนใหม่เร่งเครื่องพัฒนาโครงการลงทุนขนาดใหญ่ จัดสรรที่ราชพัสดุให้เกษตรกรทำอาชีพ สร้างตลาดชุมชน รองรับการท่องเที่ยงเมืองรอง
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์คนใหม่ กล่าวมอบนโยบายผู้บริหารกรมธนารักษ์ เพื่อเดินหน้าสานต่อแผนงานเดิม เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการประชารัฐสร้างไทย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและพัฒนาโครงการหลายด้านเกี่ยวกับการดูแลประชาชนรายย่อย ทั้งการจัดสรรพื้นที่เหมาะสมจัดทำตลาดชุมชนในต่างจังหวัด หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำที่ดินมาพัฒนาทั้งศูนย์กระจายสินค้า ตลาดชุมชน จัดศูนย์ประชุม เพื่อนำมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ การจัดสรรที่ราชพัสดุให้เกษตรการได้ประกอบอาชีพ
รวมทั้งการศึกษาแผนนำทรัพย์สินต่างจังหวัดมาฟื้นฟูและพัฒนาตามความต้องการชุมชน โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวงเมือง เพราะต่างชาตินิยมท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติมากขึ้น และพร้อมสานต่อโครงการลงทุนขนาดใหญ่ให้มีความคืบหน้า ผลักดันให้แผนลงทุนสำเร็จเป็นรูปธรรม กรมธนารักษ์ต้องหารือกับส่วนราชการที่ครอบครอง เพื่อนำกลับมาพัฒนาใช้ให้เกิดประโยยชน์ ทั้งการพัฒนาหลายโครงการ หรือจัดสรรที่ดินให้ถูกต้อง เพื่อครอบครอบให้ถูกต้อง เพื่อพัฒนาความเจริญในท้องถิ่น
สำหรับแผนสร้างรายได้ของกรมธนารักษ์ปี 2563 คาดว่าจะสร้างรายได้ 15,000 ล้านบาท เพื่อสำรวจพื้นที่ตกหล่นในการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์จากที่ราชพัสดุ ด้วยการเปิดศูนย์ข้อมูลติดตามการใช้ประโยชน์ เช่น สนามกอลฟ์บางพระ หรือร้านกาแฟตามแหล่งท่องเที่ยว หรืออาคารเก่าปรับปรุงใหม่ทันสมัย
นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ฝากสานต่อโครงการลงทุนเดิม โดยเฉพาะการก่อสร้างอาคารขนส่งผู้โดยสารหมอชิต วงเงินลงทุน 26,000 ล้านบาท ศูนย์ราชการโซน C กำลังคัดเลือกผู้ลงทุน และเสนอ ครม.อนุมัติงบผูกลงทุน แผนลงทุน 34,000 ล้านบาท ในส่วนของการช่วยเหลือเชิงสังคม มีที่ราชพัสดุ 1.3 ล้านไร่ ผู้ครอบครอง 800,000 ราย ขณะนี้ส่วนราชการส่งคืนมาให้กรมธนารักษ์จัดสรรให้ประชาชนเช่าประกอบอาชีพ ช่วยเพิ่มรายได้นับ 10,000 ล้านบาท แต่ยังขาดแคลนช่างสำรวจรังวัดต้องทำงานเชิงรุก อาทิ ราชบุรี กาญจนบุรี นครสวรรค์ นครราชสีมา ต้องเร่งจัดสรรให้ผู้ครอบครอบใช้ในการเช่า เพื่อจ่ายค่าเช่าที่ราชพัสดุรายปี ทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มหลาย 10,000 ล้านบาท โดยห้ามขายต่อเพื่อทำการบุกรุกพื้นที่ใหม่ รวมทั้งการพัฒนาที่อยู่อาศัยริมคลองเปรมประชากร นำมาพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบใหม่ เพื่อนำประชาชนขึ้นจากคลอง นำมาพัฒนาที่อยู่อาศัยริมคลอง 300 ไร่ รองรับประชาชนขึ้นมาจากคลอง เพื่อพัฒนาเลนปั่นจักรยาน การพัฒนาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่ดีขึ้น
สำหรับการสร้างสวนสาธารณะเบญจกิติ เฟส 2 เพื่อพัฒนาสวนสาธารณะใช้เป็นปอดสีเขียวของชาวกรุงเทพฯ การประเมินราคาทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อประเมินราคาที่ดิน 33 ล้านแปลง และประเมินให้ครอบคลุม 77 จังหวัด ประเมินทั้งบ้านอยู่อาศัย ที่ดินทำกิน อาคารพาณิชย์ หลังจากตั้งคณะกรรมการอุทธรณ์ประจำจังหวัด หากชาวบ้านสงสัยการประเมินราคาเพื่อเสียภาษีไม่ตรงกับความจริง เพื่อให้เรื่องอุทธรณ์สรุปได้ในระดับจังหวัดไม่ต้องส่งเรื่องมายังส่วนกลาง สำหรับเหรียญ 33,300 เหรียญ มูลค่า 70,000 ล้านบาท ต้องบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนในระบบให้เพียงพอกับระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ กรมธนารักษ์กำลังศึกษาการออกแบบเครื่องราชย์ชุดใหม่ประจำรัชกาลที่ 10 .-สำนักข่าวไทย