กรุงเทพฯ 27 ก.ย. – ก.ล.ต.เตือนประชาชนใช้ความระมัดระวัง หากถูกชักชวนให้ลงทุนในหุ้น PB. Smart Farmer ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และอาจผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลและตรวจพบว่ามีการชักชวนผ่านทางสื่อออนไลน์ต่าง ๆ อาทิ เว็บไซต์บริษัท เฟซบุ๊ก PB Smart Farmer และแอปพลิเคชัน ไลน์ รวมทั้งมีการจัดสัมมนาหลายครั้ง เพื่อชักชวนประชาชนให้ลงทุนในหุ้น บมจ.พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ หรือ PB. Smart Farmer ซึ่งระบุว่าบริษัทเริ่มจากการทำธุรกิจด้านการเกษตรและขยายธุรกิจไปยังด้านพลังงาน โดยการผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าด้วยพลังงานแม่เหล็กให้ลูกค้ากลุ่มนิคมอุตสาหกรรมในประเทศและต่างประเทศเช่าเครื่อง รวมทั้งขายไฟให้ภาครัฐและเอกชน และบริษัทมีแผนขยายโรงงานผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจจองหุ้นตามแพ็คเกจการลงทุนเริ่มต้น 1,000 บาท 1,000,000 บาท โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลประจำสัปดาห์ทุกวันศุกร์ เป็นเวลา 95 สัปดาห์
นอกจากนี้ ยังพบพฤติกรรมการชักชวนลักษณะบอกต่อ โดยให้ผลตอบแทนในรูปแบบโบนัสเพิ่มเติม หากสามารถหาผู้ลงทุนอื่นมาร่วมลงทุนเป็นเครือข่าย
ก.ล.ต. แจ้งว่าหุ้น PB. Smart Farmer ไม่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.ให้เสนอขายต่อประชาชนในประเทศไทย และไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่ ก.ล.ต.กำหนดขึ้น เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน เช่น อาจไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นและเพียงพอต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน หรืออาจเปิดเผยข้อมูลเท็จ หรืออาจเปิดเผยข้อมูลในลักษณะที่ทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจผิด ดังนั้น ผู้ที่หลงเชื่อและลงทุนกับบริษัทดังกล่าวจึงอาจได้รับความเสียหาย และไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่อยู่ในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยกรณีนี้อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ นอกจากนี้ ก.ล.ต.จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายอื่นด้วย
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนได้ที่ www.sec.or.th และแอปพลิเคชัน “SEC Check First” นอกจากนี้ หากผู้ลงทุนมีข้อสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการดำเนินการที่น่าสงสัย โปรดแจ้ง SEC Help Center ที่สายด่วน ก.ล.ต. โทร. 1207 เพื่อการตรวจสอบในเชิงลึก และในกรณีที่ตรวจพบว่าเข้าข่ายการกระทำที่อาจผิดกฎหมายอื่น ก.ล.ต. จะมีกระบวนการในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการต่อไป.-สำนักข่าวไทย