กรุงเทพฯ 27 ก.ย. – สมอ.หารือ 7 สมาคมอุตสาหกรรมเหล็กไทย กำหนดมาตรฐานให้ทันสมัย เน้นให้ผู้บริโภคปลอดภัย
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือกับ 7 สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทย ว่า อุตสาหกรรมเหล็กไทยประสบปัญหา เพราะปี 2562 เหลือส่วนแบ่งตลาดเพียงแค่ร้อยละ 34 ถือว่าต่ำสุดในรอบ 3 ปีนับตั้งแต่ปี 2559 การใช้กำลังการผลิตถดถอยลงต่อเนื่องจนเหลือเพียงร้อยละ 33 เท่านั้น เนื่องจากถูกทุ่มตลาดจากสินค้าเหล็กจากต่างประเทศ อีกทั้งมีการหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้าที่เป็นผลกระทบจากปัญหาสงครามทางการค้า ระหว่างสหรัฐและจีน
สำหรับผลการหารือระหว่าง สมอ.กับ 7 สมาคมอุตสาหกรรมเหล็กไทยครั้งนี้ ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งภาครัฐยืนยันตามนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดย สมอ.จะเร่งกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำหรับสินค้ากลุ่มเหล็กให้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานให้ทันสมัยเหมาะสมกับเทคโนโลยีการผลิตและสอดคล้องกับสถานการณ์ มั่นใจว่าจะดำเนินการได้เร็ว เพราะหลังจาก สมอ.ปรับปรุง พ.ร.บ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้การกำหนดมาตรฐานของ สมอ.รวดเร็วทันต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น โดยการกำหนดมาตรฐานจะเน้นดูแลผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้าเหล็ก
นายนาวา จันทนสุรคน ผู้แทนจาก 7 สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทย และเป็นตัวแทนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็กมากกว่า 470 บริษัท กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้แจ้งให้ภาครัฐทราบสถานการณ์ของอุตสาหกรรมนี้ที่ถูกกระทบอย่างรุนแรง และหารือแนวทางแก้ไขวิกฤติอุตสาหกรรมเหล็กไทยทั้งห่วงโซ่การผลิตกับภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคมมาแล้ว ภาครัฐพร้อมสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยรายงานสรุปสถานการณ์การผลิตเหล็กของไทย โดยระบุว่าการผลิตเหล็กของไทยเดือนกรกฎาคม 2562 ยอดการผลิตเหล็กดิบรวมของไทยอยู่ที่ 376,398 ตัน หดตัวลงร้อยละ 33.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับยอดการผลิตเหล็กสำเร็จรูปของไทยเดือนกรกฎาคม 2562 อยู่ที่ 670,798 ตัน ปรับตัวลดลงร้อยละ 13.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้านการบริโภคเหล็กสำเร็จรูปของไทยเดือนกรกฎา 2562 อยู่ที่ 1.69 ล้านตัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่ผ่านมาร้อยละ 10.4 ส่วนการนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กทั้งหมดของไทยเดือนกรกฎาคม 2562 อยู่ที่ 1.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับการผลิตเหล็กดิบของโลกเดือนกรกฎาคม 2562 อยู่ที่ 157 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน จีนผู้ผลิตเหล็กดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกมียอดการผลิตเหล็กดิบ 85 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อินเดีย 9.2 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ญี่ปุ่น 8.4 ล้านตัน ปรับตัวเพิ่มเล็กน้อยร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ พบว่าผลผลิตเหล็กดิบส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า .-สำนักข่าวไทย