“สมอ.” แจงขอ มอก. ปลอดทุจริต ตรวจสอบได้

กรุงเทพฯ​ 20 ส.ค.​ – สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) แจงประเด็น​ข้อกล่าวหา​ การขอมาตรฐานผลิตภัณฑ์​อุตสาหกรรม​ (มอก.) ล่าช้า​และ​เกิดช่องว่าง​การทุจริต​ ยืนยัน​ใช้​ระบบยื่นคำขอใบอนุญาต มอก. ผ่าน​ e-License ใช้เวลาในการออกใบอนุญาต เฉลี่ยไม่เกิน 4 วันทำการ​ โดย สมอ. จะขอข้อมูล​หลักฐาน​เพิ่ม​จากผู้​เกี่ยว​ข้องตามที่​ถูก​พาดพิง หากพบการกระทำ​ผิด จะดำเนิ​นการ​ลงโทษ​อย่าง​เด็ดขาด


นายนนทิชัย​ ลิขิตาภรณ์ ผู้​อำนวยการ​กองตรวจการมาตรฐาน​ 1 รักษา​ราชการ​แทนเลขาธิการ​สำนักงาน​มาตรฐาน​ผลิตภัณฑ์​อุตสาหกรรม​ (สมอ.)​ กล่าว​ถึง​กรณีที่มีการกล่าวพาดพิงการทำงานของ สมอ. และเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลว่า การขออนุญาตมาตร​ฐาน​ผลิต​ภัณฑ์​อุตสาหกรรม​ (มอก.) มีขั้นตอนยุ่งยาก ใช้เวลานานจนเกิดช่องว่างในการทุจริต มีการเรียกรับสินบน จากเจ้าหน้าที่ และการเข้าตรวจโรงงานโดยไม่มีหมายค้นนั้น สมอ. ขอชี้แจงว่า ปัจจุบัน สมอ. ใช้ระบบ e-License ในการออกใบอนุญาต จะใช้ระยะเวลาเฉลี่ยในออกใบอนุญาต ไม่เกิน 4 วันทำการ เมื่อผู้ประกอบการยื่นผล การตรวจโรงงาน และผลการตรวจสอบสินค้าเข้ามาในระบบ ซึ่งผู้ขอรับใบอนุญาตและเจ้าหน้าที่ผู้พิจารณาจะไม่เจอหน้า กัน จึงสามารถป้องกันการทุจริตได้

การนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในกระบวนการทำงานตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และอำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ผู้ประกอบการ และประชาชน โดยเฉพาะภารกิจด้านการอนุมัติหรืออนุญาต เพื่อลดโอกาสในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่โดยตรง และปิด ช่องทางการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเรียกรับผลประโยชน์ส่วนตัว โดย สมอ. มีการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์มาอย่าง ต่อเนื่อง ครบเต็มรูปแบบ ทุกกิจกรรม ตั้งแต่การยื่นคำขอใบอนุญาต มอก. ผ่านระบบ e-License เมื่อผู้ประกอบการ ยื่นผลการตรวจโรงงาน พร้อมผลการตรวจสอบสินค้า เข้ามาในระบบครบทั้ง 2 ส่วน ระบบจะใช้เวลาในการออกใบอนุญาต เฉลี่ยไม่เกิน 4 วันทำการ สำหรับการชำระค่าบริการของผู้ประกอบการสามารถชำระผ่านระบบ e-Payment รวมถึงการตรวจติดตามภายหลังได้รับใบอนุญาตผู้ประกอบการสามารถดำเนินการผ่านระบบ e-Surveillance ได้ ซึ่งเป็นการลด โอกาสในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ สมอ. โดยตรง


ทั้งนี้ สมอ. ยืนยันถึงความโปร่งใส่ในการทำงาน โดยมีรางวัลการประเมิน คุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment Awards: ITA Awards) จากสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นเครื่องการันตี ซึ่ง สมอ. ได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงเป็นสิ่งตอกย้ำว่า การดำเนินงานของ สมอ. มีความโปร่งใส และเป็นธรรม สามารถตรวจสอบได้

ทั้งนี้ ​เชื่อ​ว่า การ​ที่​ถูก​กล่าวหา​ มีความเป็​นไปได้​ว่า​ เกิด​จาก​ความ​เข้มงวดตรวจสอบ​สินค้า​ที่ไม่เป็น​ไปตามมาตรฐาน​ มอก.​ ผู้ประกอบการ​บางรายที่ถูก​ตรวจสอบ​และ​มีสินค้า​ไม่ได้มาตรฐาน​จึงกล่าว​พาดพิง สมอ.

นายนนทิชัย กล่าว​ว่า​ ตั้งแต่​เดือน​กันยายน​ 2566 ​จนถึง​ปัจจุบัน​ สมอ.​ ตรวจสอบ​พบผู้ประกอบการ​ที่​ลักลอบ​นำเข้า​สินค้า​จากต่างประเทศ​และเป็​นสินค้า​ที่ไม่มี ​มอก.​ 431​ ราย​ ในจำนวน​นี้ตรวจสอบ​เบื้องต้น​จาก​ 57​ ราย ที่โฆษณา​ผ่านแพลตฟอร์ม​อีคอมเมิร์ซ​ จากนั้น​จึงขยายผล​ตรวจสอบ​พบเพิ่ม​เติม​ นอกจากนี้​ยังพบ​ว่า​ กว่า​ 50% ผู้​ประกอบการ​เป็น​ชาวต่างชาติ​ที่มาประกอบ​กิจการ​ในประเทศ​ไทย​ นอกจาก​นี้ยังพบ​ว่า​บางรายมีใบอนุญาต​ มอก.​ แต่ต่อมา​ลักลอบ​นำเข้า​สินค้า​ชนิด​เดียวกัน​ แต่​เป็น​ผลิตภัณฑ์​ที่​ไม่ได้​มาตรฐาน​


สำหรับ​กลุ่ม​สินค้า​ที่​พบว่า​ ลักลอบ​นำเข้า​และ​ไม่ได้​มาตรฐาน​มากที่สุด​ได้แก่​ เหล็ก​ ยาง​ล้อ​ เครื่อง​ใช้​ไฟฟ้า และ​โภคภัณฑ์ สมอ. ยืนยัน​ว่า การเข้าตรวจค้นสถานประกอบการโดยไม่มีหมายค้น ขอชี้แจงว่า พ.ร.บ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 เป็นกฎหมายเฉพาะที่ให้อำนาจกับ สมอ. ในการกำกับดูแลสินค้าที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน โดยสามารถเข้าไปตรวจสถานที่ผลิต สถานที่เก็บ และสถานที่จำหน่ายสินค้าได้โดยไม่ต้องมี หมายค้น แต่ต้องแสดงบัตรพนักงานเจ้าหน้าที่ และมีผู้ประกอบการเจ้าของสถานที่ร่วมตรวจด้วยทุกครั้ง

อย่างไรก็ตาม สมอ. ได้ดำเนินการเพื่อหาข้อเท็จจริง โดยประสานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อขอหลักฐานเพิ่มเติม และอยู่ระหว่างการพิจารณาตรวจสอบ เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม หากตรวจสอบแล้วพบการกระทำ ผิดจริงตามที่ถูกพาดพิง จะดำเนินการทางวินัยขั้นเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ผู้กระทำความผิดโดยไม่มีข้อยกเว้น

หากมีข้อสงสัย หรือถูกเรียกรับผลประโยชน์จากเจ้าหน้าที่ สมอ. สามารถร้องเรียนได้ทาง https://www.tisi.go.th/website/ about/tisi_corruption รวมถึงทุกช่องทางการติดต่อของ สมอ. ทั้งเว็บไซต์ www.tisi.go.th เฟสบุ๊ค https://www. facebook.com/tisiofficial และติ๊กต๊อก​www.tiktok.com/@tisiofficial หรือ โทร. 02 4306815. -512​ – สำนักข่าว​ไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตร.แจ้ง 2 ข้อหามือมีดทำร้าย “เป๊ก” คาดปมเข้าใจผิด

3 ส.ค.- ตำรวจ สน.หัวหมาก แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 21 ใช้มีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” นักร้องชื่อดัง บาดเจ็บที่คางเป็นแผลฉกรรจ์ อ้างถูกหาเรื่องก่อน เบื้องต้นคาดปมเข้าใจผิด จ่อสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 ส.ค.68 ร.ต.อ.ชัยนรินทร์ กวีพราหมณ์ รอง.สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บ ภายในปั๊มน้ำมัน ซอยรามคำแหง 76 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หัวหมาก และอาสามูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน พบร่างนายผลิตโชค หรือ เป๊ก อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใต้คาง 1 แผล ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนผู้ก่อเหตุไม่หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ […]

เฝ้าระวังตลอดคืน พบโดรนปริศนาบินล้ำเขตแดนอรัญฯ

สระแก้ว 3 ส.ค.- พบโดรนปริศนาไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนจากกัมพูชาเข้ามาในไทย ชาวบ้าน-ชรบ.ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังตลอดทั้งคืน คืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจุดที่ทีมข่าวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศในพื้นที่ขณะนั้นมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกมาคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลำนั้นลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลต์กำลังแรงสูงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นลำตัวของโดรนแม้อยู่ในความมืด สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยว่าโดรนลำนั้นมีเป้าหมายใดหรือเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการตรวจตราและเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ

3 ส.ค. – เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ ห้วงปะทะวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (3 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้ทำลายบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงภูมะเขือได้ หลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ภูมะเขือ ผลักดันทหารกัมพูชาอยู่บนจะงอยหน้าผาออกไปทั้งหมด พร้อมทำลายกระเช้า และฐานทหารกัมพูชาด้านล่างภูมะเขือ โดยการใช้โดรนติดระเบิด ล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพทหารทำลายบันไดช่องคานม้า ในระหว่างยึดพื้นที่ได้จากการเหตุปะทะช่วง 5 วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ชาวเชียงใหม่ร่วมจุดเทียนสดุดี 15 วีรบุรุษชายแดน

3 ส.ค.- ชาวเชียงใหม่ ร่วมกันจุดเทียน แสดงความไว้อาลัย สดุดี 15 วีรบุรุษทหารที่พลีชีพปกป้องแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณ หน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ ประชาชนได้รวมตัวทำกิจกรรมร้องเพลง เขียนข้อความ พร้อมโบกธงชาติไทย เพื่อส่งกำลังใจให้กับทหารที่อยู่แนวหน้า ชายแดนไทย-กัมพูชา และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เพื่อเป็นการสดุดีทหาร 15 นายที่พลีชีพในการสู้รบปกป้องอธิปไตย อีกทั้งอ่านรายชื่อทหาร วางพวงหรีดและจุดเทียน แสดงความไว้อาลัยพร้อมทั้งยืนสงบนิ่ง อธิฐานขอให้เจ้าหน้าที่ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ปลอดภัยทุกนาย นอกจากนี้ บริเวณย่านถนนท่าแพ หน้าอาคารพุทธสถานเชียงใหม่ มีการนำภาพทหารที่เสียชีวิตทั้ง 15 นายติดไว้ริมถนนและมีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชน มาวางดอกไม้ แสดงความอาลัย -สำนักข่าวไทย