สภาพัฒน์ พร้อมขับเคลื่อนไทย ดันโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เชื่อมการพัฒนาทุกภูมิภาค

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – ในช่วงเช้าที่ผ่านมาสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จัดงานประชุมใหญ่ทางวิชาการประจำปี 2562 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุม ซึ่งในปีนี้สภาพัฒน์จัดประชุมในหัวข้อเรื่อง “พัฒนาพื้นที่ไทย : เชื่อมไทย ก้าวไกล เชื่อมโลก”


นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า การประชุมในปีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายในระยะยาวภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ระหว่างปี 2561 – 2565 ซึ่งตามยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาดังกล่าวมุ่งเน้นการพัฒนาเชิงพื้นที่ที่กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคภายใต้แนวคิดที่ให้การพัฒนาทั่วถึงเท่าเทียมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

ดังนั้นเมื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่มุ่งเน้นการเข้าถึงและการเชื่อมโยงเป็นสำคัญ  การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งเชื่อมโยงแต่ละภูมิภาค จึงเป็นปัจจัยสำคัญ เส้นโครงการรถไฟทางคู่ที่จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมส์สำคัญ game changer ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงขนส่งสินค้าจากภูมิภาคต่างๆ ส่งต่อไปยังทั่วประเทศหรือแม้แต่ประเทศ เช่น การส่งสินค้าปาล์มน้ำมัน ผลไม้ จากภาคใต้ ไปยังภาคตะวันออกเพื่อส่งออก การเชื่อมการท่องเที่ยว แต่ละภูมิภาคเข้าด้วยกัน


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การพัฒนาเชิงพื้นที่ซึ่งมีหัวใจสำคัญรายการเชื่อมประเทศไทยกับโลก ในฐานะที่ปัจจุบันนี้การเติบโตทั้งฝั่งเอเชีย เปรียบเหมือนดาราที่กำลังฉายแสงบนเวทีโลก โดยประเทศไทยเป็นดาวเด่นอยู่ในภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้การเชื่อมโยงไทยเข้ากับโลกจะต้องทำใน 4 เรื่องสำคัญ คือ การเชื่อมโยงเทคโนโลยี ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ การเชื่อมโยงการลงทุน ,การเชื่อมโยงการค้า ,การเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งกับประเทศที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น ประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งในอนาคตจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เกิดการเชื่อมโยงในกลุ่มประเทศเช่นพม่า อินเดียบังกลาเทศ ดังนั้น การพัฒนาการคมนาคมทางน้ำทางชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก ที่มีท่าเรือสำคัญหลายแห่ง เช่น ท่าเรือปากบาราอำเภอละงู จังหวัดสตูล เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องมีการพัฒนาให้เกิดการเชื่อมโยงในอนาคต

ด้านนายชัยวัฒน์ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีแผนการพัฒนาระบบคมนาคมที่ยึดเป้าหมายการแก้ไขปัญหาคุณภาพของระบบขนส่ง ส่วนการเชื่อมโยงภูมิภาคกับใครนั้นก็มีโครงการสำคัญมากมาย ทั้งโครงการรถไฟทางคู่ โครงการรถไฟความเร็วสูง และโครงการพัฒนาท่าเรือในพื้นที่สำคัญ


ทั้งนี้ การสัมมนาของสภาพัฒน์ในปีนี้ได้มีการแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อระดมความคิดเห็นในการพัฒนาพื้นที่ของไทยประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 การขับเคลื่อนประเทศด้วยความเจริญเติบโตที่ทั่วถึง  กลุ่มที่ 2 พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ กลุ่มที่ 3 เชื่อมโยงโครงข่ายอัจฉริยะเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกลุ่มที่ 4 แข่งขันได้สังคมยั่งยืน กลุ่มที่ 5 ความร่วมมือทุกภาคส่วนและการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง