พรรคประชาธิปัตย์ 11 ต.ค.- พรรคประชาธิปัตย์ แนะรัฐบาลเร่งปรับโครงสร้างพื้นฐาน จ.เชียงราย ฟื้นฟูหลังน้ำท่วม ชี้ต้องจ้างแรงงาน-เพิ่มกำลังคนเข้าช่วยเหลือ ขณะที่พรุ่งนี้ (12 ต.ค.) เตรียมลงพื้นที่ตลาดน้อย ดูน้ำทะเลหนุน และโครงการแก้มลิงใต้ดินที่วัดเล่งเน่ยยี่
น.ส.เจนจิรา รัตนเพียร โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าว ประชาธิปัตย์เตรียมลงพื้นที่สำรวจปริมาณน้ำที่แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กทม. และเตือนเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วม กทม. ว่า จากสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์มีความห่วงใยพี่น้องผู้ประสบภัยเป็นอย่างมาก พรรคประชาธิปัตย์จึงได้ ตั้งศูนย์ติดตามน้ำท่วม ซึ่งเราได้มีการเตือนภัยแจ้งข้อมูลให้กับประชาชนได้เฝ้าระวังและน้ำท่วม และน้ำทะเลหนุนในช่วงเดือนตุลาคม ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าที่ผ่านมาที่พรรคได้จัดตั้งศูนย์ติดตามน้ำท่วม พบว่ามีผู้ประสบภัยติดต่อมายังช่องทางของเรา และทางพรรคก็ได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ พูดคุยประสานกับทางภาครัฐและภาคเอกชนให้การช่วยเหลือ
น.ส.เจนจิรา กล่าวว่า ขณะที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมาย ให้ทุกคนได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนไม่ว่าจะเป็น เขตของปทุมธานีหรือนนทบุรี ได้มอบหมายให้กับ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยเหลือประชาชน และตนเองก็ได้ลงพื้นที่ร่วมกับ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ลงพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายนำทีมวิศวกรอาสาช่วยให้คำแนะนำ กับประชาชนที่ประสบภัย และฟื้นฟูพื้นที่หลังจากเกิดประสบภัยน้ำท่วมดินโคลนถล่ม
นอกจากนี้ยังมีการระดมข้าวของไปช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมด้วย และในวันที่ 12 ตุลาคม เราจะมีการลงพื้นที่บริเวณกรุงเทพมหานคร ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ เพื่อติดตามน้ำทะเลหนุนที่สร้างปัญหาให้กับประชาชนมาโดยตลอด และในช่วงบ่ายก็จะลงเป็นที่วัดเล่งเน่ยยี่ ติดตามโครงการแก้มลิง
ขณะที่ นายสมบัติ ยะสินธุ์ สส.แม่ฮ่องสอน ได้แถลงรายงานผลการลงพื้นที่น้ำท่วมภาคเหนือ ว่าขณะนี้ภาคเหนือน้ำลดลงแล้ว แต่ดินโคลนก็ยังอยู่ และยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนที่จะนำโคลนออกจากบ้านประชาชน ที่อำเภอแม่สาย ยังขาดแรงงานคน ทางทหารก็ได้มีการสลับสับเปลี่ยน ไม่ได้ลงพื้นที่เยอะเหมือนก่อนหน้านี้ บ้านบางหลังก็ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ เพราะยังขาดแรงงานอยู่ จึงอยากให้รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่จิตอาสาเข้าไปช่วยเหลือที่เชียงราย มีลักษณะคล้ายกับที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอปายเมื่อปี 48 ซึ่งเราต้องมีการวางแผนทำวิกฤตให้เป็นโอกาส
ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลเร่งปรับโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ใช่เร่งเฉพาะเยียวยา เช่น ถนนหนทาง สะพาน เพราะยังไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณลงไป ซึ่งความจริงต้องอัดเม็ดเงินลงไป เพื่อให้เกิดการจ้างงาน และเศรษฐกิจก็จะฟื้น ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลเร่งไปดำเนินการเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และอีกส่วนคือผู้ประกอบการ ควรจะได้รับดอกเบี้ยในการกู้มาประกอบอาชีพที่ถูกลง เพราะผู้ประกอบการมีความเสียหายกันมาก ต้องปรับปรุงธุรกิจเพื่อให้เป็นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่อไป ซึ่งที่เชียงรายน่าจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้.-315 -สำนักข่าวไทย