กรุุงเทพฯ 6 ก.ย. – ผู้บริหาร กฟผ.ออกแถลงการณ์ถึงพนักงาน ขณะที่มีกลุ่มเคลื่อนไหวเป็นห่วงมติ กบง.30 ส.ค.62 ล้มประมูลแอลเอ็นจี กฟผ.ติงทำให้เกิดการผูกขาดประชาชนเสียประโยชน์
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยืนยันการผลิตไฟฟ้าทุกอย่างเป็นปกติ มั่นคง ไร้ปัญหา แม้วันนี้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) จะมีการนัดแต่งดำและไปยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคัดค้านมติคณะกรรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 เพื่อยกเลิกประมูลแอลเอ็นจี ก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (5 ก.ย.) ผู้ว่าการ กฟผ.ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงเป็นการภายในกับพนักงาน กฟผ. เพื่อสร้างความเข้าใจลดข้อห่วงใยและข้อกังวลของผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. เพื่อให้เกิดขวัญและกำลังใจในการทำงาน โดยระบุก่อนประชุม กบง.ที่มีมติดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2562 ได้มีการประชุมระหว่างฝ่ายนโยบายของกระทรวงพลังงานและคณะผู้บริหาร กฟผ. ฝ่ายนโยบายได้ให้คำมั่นยังคงยืนยันนโยบายการเปิดเสรีระบบก๊าซธรรมชาติอยู่ เพียงแต่ขอทบทวนปริมาณความต้องการใช้ภายในประเทศให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และหากประเมินว่าเมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องนำเข้าก๊าชรรมชาติเพิ่มเติมแล้วยังยืนยันหลักการเดิมที่มอบหมายให้ กฟผ.เป็นผู้นำเข้าเป็นรายแรกต่อจากผู้นำเข้าที่มีอยู่เดิมรายเดียว นอกจากนี้ ยังได้เสนอให้มีการพิจารณาปริมาณการนำเข้าของ กฟผ. ว่าควรจะเป็นจำนวนกี่เปอร์เซ็นต์ของปริมาณตามต้องการใช้งานโดยรวม เพื่อเป็นกรอบหลักการดำเนินงานในอนาคต
ทั้งนี้ คณะผู้บริหาร กฟผ.คาคว่าการพิจารณาประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติมจะดำเนินการขั้นตอนต่าง ๆ ของฝ่ายนโยบายกระทรวงพลังงานในอนาคตต่อไป ขอให้ผู้ปฏิบัติงานมีความมั่นใจและเชื่อใจต่อความตั้งใจจริงของฝ่ายนโยบายที่พิจารณาประโยชน์ในภาพรวมของประเทศชาติ และประโยชน์ในการพัฒนาและส่งเสริม กฟผ.ให้เจริญก้าวหน้าเป็นเสาหลักด้านพลังงานหน่วยงานหนึ่งของประเทศต่อไป
ทั้งนี้ กฟผ.ยืนยันมาตลอดว่าที่ผ่านมาดำเนินตามนโยบายรัฐบาลในการเปิดประมูลนำเข้าแอลเอ็นจีจนได้ราคานำเข้าที่ต่ำกว่าทุกสัญญานำเข้าของประเทศ โดยหากคำนวณแล้วหากนำเข้าได้ตามการประมูลไม่เกิน 1.5 ล้านตัน/ปี จะมีมูลค่านำเข้ากว่าแสนล้านบาทและประหยัดต้นทุนค่าไฟฟ้าเมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่ซื้อจากในระบบการค้าก๊าซในปัจจุุบันที่ บมจ.ปตท.เป็นผู้ดำเนินการได้ถึง 30,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มพิทักษ์พลังงานไทย ซึ่งมีแกนนำ คือ นายพิเชษฐ์ ชูชื่น อดีตพนักงาน กฟผ.ได้ออกแถลงการณ์ 4 กันยายนและยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ขอคัดค้านและต่อต้านการผูกขาดพลังงานไฟฟ้าและพลังงานอื่น ๆ และขอปกป้ององค์กรภาครัฐที่เป็นสาธารณูปโภคให้มีอิสระในการพัฒนากิจการขององค์กรนั้นอย่างมืออาชีพ โดยระบุการเคลื่อนไหวครั้งนี้สืบเนื่องจากสถานการณ์การลงทุนการผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะถูกผูกขาด โดยกลุ่มทุนพียงไม่กี่กลุ่ม ซึ่งในอนาคตจะทำให้ประเทศไทยตกเป็นเหยื่อผูกขาด.-สำนักข่าวไทย