พลังงานของทุกคน..เตรียมแผนช่วยทั้งคนจน-เอสเอ็มอี

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – “สนธิรัตน์” เดินหน้าใช้พลังงานเป็นกลไกลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยลดค่าครองชีพของผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเตรียมออกแคมเปญใหม่ลดค่าไฟฟ้า-น้ำมันช่วยเอสเอ็มอี ตั้งเป้าหมายเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ปีหน้า เจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาเสร็จสิ้นปี 65


นายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ยุคนี้เป็นพลังงานเป็นเรื่องของทุกคนที่จะลดความเหลื่อมล้ำ ใช้กลไกพลังงานทำหน้าที่ให้มากกว่าเดิม สร้างเศรษฐกิจฐานราก ดังนั้น กระทรวงฯ จึงดำเนินการหลายเรื่อง โดยในส่วนของการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้าของรัฐบาลในการดำเนินการร่วมกัน  โดยในส่วนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะมีแคมเปญด้านพลังงานมาช่วยเหลือ ซึ่งจะมีต้นทุนค่าพลังงานที่ต่ำ เช่น ค่าไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซฯ ขณะที่ผู้มีรายได้น้อยกำลังปรับการช่วยเหลือ โดยนำส่วนที่  ปตท.ช่วยเหลือผู้ใช้ก๊าซแอลพีจีในส่วนของหาบเร่แผงลอย ที่มี 200,000 รายและในส่วนนี้เป็นผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว 80,000 ราย มาปรับเป็นการช่วยเหลือในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งการดูแลจะครอบคลุมค่าบริการและระบบรถสาธารณะด้วย

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ทบทวนเรื่องแผนพลังงานทดแทน จากแผนเดิมในช่วง 8 ปีนี้ จะไม่มีการรับซื้อพลังงานทดแทน ซึ่งก็ให้ดูว่าทั้งระบบจะเดินหน้าอย่างไร โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟาพลังงานชุมชนที่จะเป็นรูปแบบรัฐและเอกชนร่วมมือลงทุนร่วมกัน โดยมีเป้าหมายหลักคือชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และลดภาระการลงทุนในภาพรวมที่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ และยังเป็นไปตามแผนงานการส่งเสริมให้ชุมชนผลิตเองใช้เองเป็นหลัก และในกรณีการให้ บมจ.ปตท.พัฒนาโครงการปุ๋ยสั่งตัดและห้องเย็นผลไม้นั้น เพื่อให้ประสบความสำเร็จก็ได้เสนอแนะให้ดึงสหกรณ์ต่าง ๆ มาร่วมงานด้วย


“โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนอาจเป็น  1 ชุมชน 1 พลังงานไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์  ส่งเสริมเอสเอ็มอี ร่วมกับชุมชนสร้างโรงไฟฟ้าแต่ละพื้นที่ อาทิ โซลาร์เซลล์ เชื่อว่าจะเกิดเม็ดเงินหมุนเวียน 20,000-30,000 ล้านบาท และยกระดับพืชพลังงาน รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาราคาพืชผลเกษตรกร เช่น ปาล์มน้ำมัน เป็นบี10 และบี20 เกิดการใช้ CPO 2 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ ยังต้องการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเป็นศูนย์กลางไฟฟ้าในภูมิภาค” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน มองถึงภาพรวมการพัฒนาเชื่อมโยงอาเซียน ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานด้านพลังงาน ซึ่งการพัฒนาจะสร้างความสมดุลที่สมาชิกอาเซียนจะได้ประโยชน์ร่วมกัน และหนึ่งเป้าหมายที่จะพยายามเจรจาให้สำเร็จ คือ โครงการพัฒนาพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนไทย-กัมพูชา โดยจะต้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายร่วมของ 2 ประเทศ ภายในปี 2565 

ขณะที่การเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ จะเร่งรัดกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเดินหน้าเปิดสำรวจรอบใหม่ตามแผนที่จะเปิดปี 2563 โดยตามแผนเดิมเตรียมเปิดไม่ต่ำกว่า 17 แปลง แบ่งเป็นการเปิดประมูลขอสิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่แปลงในกลุ่ม A และ B ในอ่าวไทยรวม 10 แปลง และบนบกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แปลง ภาคกลาง 2 แปลง ซึ่งจะเปิดเป็นรอบตามความเหมาะสมต่อไป .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นักธุรกิจสาวแจ้งความทนายดัง “ฉ้อโกง” ฮุบเงิน 71 ล้าน

นักธุรกิจสาว อดีตลูกความทนายดัง แจ้งความถูกทนายดังฉ้อโกง ฮุบเงิน 71 ล้านบาท เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม “หวยออนไลน์”

สาวแจ้งความภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ย่องลักทรัพย์ในคอนโดฯ

หญิงสาวแจ้งความภรรยาอดีตตำรวจยศนายพล แอบกิ๊กสามี แถมย่องลักทรัพย์ในคอนโดฯ มูลค่าหลายล้านบาท ด้านตำรวจเรียกผู้เสียหายสอบเพิ่ม พร้อมเก็บภาพวงจรปิดตรวจสอบแล้ว

“ทนายบอสพอล” มองยึดมือถือ พนง.ดิไอคอน เกินเส้นกฎหมาย

“ทนายบอสพอล” พาพนักงานดิไอคอน ลงบันทึกประจำวัน หลังตำรวจบุกค้น 11 จุด และยึดมือถือ มองว่าทำเกินกว่ากฎหมาย พร้อมฝากถึงศาลยุติธรรมในการออกหมายจับรอบ 2 เป็นห่วงสิทธิของทุกฝ่าย

ข่าวแนะนำ

ครบ 20 ปี เหตุจลาจลคดีตากใบ จำเลยยังล่องหน

วันนี้ครบรอบ 20 ปี เหตุจลาจลหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส และยังเป็นวันที่คดีหมดอายุความ ในขณะที่การติดตามจับกุมตัวจำเลยยังไร้วี่แวว พาไปย้อนรอยเหตุการณ์และมุมมองของนักวิชาการต่อคดีนี้

รวบ “นัตตี้ ไดอารี่” ยูทูบเบอร์หลอกเทรดหุ้นฟอเร็กซ์

ตำรวจร่วมกับดีเอสไอ แถลงรับตัว “นัตตี้ ไดอารี่” กับแม่ ผู้ต้องหาหลอกเทรดหุ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท หลังหลบหนีไปอินโดนีเซีย และถูกตำรวจอินโดฯ จับกุม จากนี้ส่งตัวให้ดีเอสไอดำเนินคดีต่อ