กรมคุมกระพฤติ 9 ส.ค.-รมว.ยุติธรรม ทดสอบระบบควบคุมกำไลEM พบถอดได้จริง แต่มีสัญญาณเตือนเข้าระบบควบคุม แต่ตอนสวมใหม่ ไม่มีแจ้งเตือน ผลจึงไม่ชัด สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ให้เสร็จใน2สัปดาห์ หากพบผิดพร้อมยกเลิกหรือลดเงินตามสัญญา
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการทำงานให้กับผู้บริหารกรมคุมประพฤติ และได้ติดตามเรื่องปัญหาการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวผู้กระทำผิด หรือกำไล EM ที่มีการร้องเรียนว่าสัญญาณไม่แจ้งเตือนและถอดทำลายได้ง่าย
โดยนายสมศักดิ์ ได้มาที่ศูนย์ควบคุมการติดตามตัวด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมคุมประพฤติ พร้อมด้วยนายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ และบริษัทเอกชนผู้ดูแลระบบฯ และเพจที่มีการติดตามและเผยแพร่เรื่องนี้
นายสมศักดิ์ ได้สั่งให้ศูนย์ควบคุมการติดตามตัวด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทดลองตรวจสอบระบบการทำงาน ซึ่งขณะนี้มีจำนวนสถานะผู้ถูกคุมประพฤติด้วยการติดตั้งกำไลEM จำนวน 512 ราย พบการทำงานปกติและรัฐมนตรียังได้สุ่มเลือกผู้ถูกคุมประพฤติมารายหนึ่งในข้อหาวางเพลิงทำให้เสียทรัพย์สินที่จังหวัดศรีสะเกษ และได้โทรศัพท์ไปหา ซึ่งสามารถติดต่อได้และได้สอบถามถึงการทำงานของกำไลEM ซึ่งก็เป็นปกติดี
ในช่วงสำคัญ รัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้ผู้สังเกตการณ์ ได้ทดสอบสวมใส่กำไลEM ใส่ข้อมือ ซึ่งปรากฏว่าสามารถถอดได้เมื่อใช้น้ำสบู่ แต่เมื่อทดสอบด้วยการสวมกำไล EM กับข้อเท้า และใช้น้ำสบู่ล้างเหมือนกัน พบว่า ไม่สามารถถอดได้และสายกำไลขาด ซึ่งทั้ง 2 กรณีกำไล EM ได้ส่งสัญญาณเตือนไปยังศูนย์ควบคุมฯว่าสายถูกทำลาย ซึ่งตามปกติเมื่อศูนย์ควบคุมได้รับสัญญาณแจ้งเตือนก็จะประสานไปยังเจ้าหน้าที่คุมประพฤติในพื้นที่หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าไปตรวจสอบ แต่เมื่อทดสอบสวมกำไลเข้าไปอีกรอบ ปรากฎว่า ไม่มีสัญญานแจ้งเตือน
รมว.ยุติธรรม กล่าวภายหลังตรวจสอบระบบว่าจากผลการทดสอบที่เกิด ขึ้นซึ่งมีทั้งสื่อมวลชนและผู้ที่ตั้งข้อสงสัยได้ร่วมกันดำเนินการ พบว่ากำไลEM ที่ใส่ข้อมือสามารถถอดได้แต่กำไลใส่ข้อเท้าถอดไม่ได้ สายขาด แต่ทั้ง2 กรณีสัญญาณแจ้งเตือนยังทำงานปกติ ยกเว้นตอนสวมเข้าใหม่ มองว่าอาจเป็นความสับสนด้วยข้อกำหนดต่างๆของอุปกรณ์ซึ่งยังไม่ใช่คำตอบที่จะคลายข้อสงสัยให้กระจ่างชัดได้ทั้งหมด ดังนั้น จึงสั่งการให้ปลัดกระทรวงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงนักวิชาการจากมหาวิทยาลัย รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นคนกลางมาร่วมพิจารณา ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งผลการตรวจสอบ จะมีความชัดเจนว่า เป็นไปตามข้อตกลงทีโออาร์ การเช่าซื้อกับบริษัทคู่สัญญาหรือไม่ ประกอบการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หากพบข้อผิดพลาดก็พร้อมจะยกเลิกสัญญาหรือลดเงินค่าเช่าซื้อ แต่หากเป็นไปตามทีโออาร์ก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อ
ทั้งนี้ กรมคุมประพฤติได้ประมูลเช่าใช้กำไล EM กำไล EM จำนวน4,000เครื่อง ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 2,894 เครื่อง วงเงิน74 ล้านบาท มีระยะเวลาตามสัญญาตั้งแต่มกราคม2662 ถึง 30 กันยายน 2563 ส่วนใหญ่ผู้ถูกคุมประพฤติจะถูกห้ามออกนอกบ้านหลัง 22.00 น. ห้ามเข้าพื้นทีที่กำหนด ห้ามออกจากพื้นที่ที่กำหนด ห้ามขับรถเร็ว ระยะเวลาการสวมใส่กำไล ขั้นต่ำ10-15วัน ขึ้นอยู่กับศาลกำหนด.-สำนักข่าวไทย