กทม.8ส.ค.-แม่ชีวิตพังหลังติดเหล้า เผยหันกลับมายึดลูกเป็นแรงบันดาลใจ เปลี่ยนตัวเองเป็นแบบอย่างที่ดี ก่อนผันตัวเป็นจิตอาสาถ่ายทอดประสบการณ์ช่วยเหลือคนอื่น ด้านหนุ่มวัยโจ๋พลิกชีวิตจากด้านมืดสู่เส้นทางใหม่ตอบแทนบุญคุณแม่
มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดกิจกรรมเนื่องในวันแม่ เพื่อเติมเต็มพลังใจในการสู้ชีวิตของคนเป็นแม่ ภายในงานมีเวทีเสวนา “ฝ่าวิกฤตชีวิตแม่…กว่าจะถึงวันที่ก้าวผ่าน”
นางนัยนา ยลจอหอ ประธานชุมชนวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม เขตดุสิต แม่ที่ต้องเผชิญมรสุมชีวิต เปิดเผยว่า ชีวิตเกือบพังเพราะเหล้าด้วยสามีเป็นคนชอบดื่มไปไหนมาไหนก็จะดื่มด้วยกันตลอดเพราะคิดว่าเป็นการเสียเปรียบพอเมาแล้วเกิดความหึงหวง ถึงขั้นทะเลาะตบตีกันประจำโดยไม่นึกถึงลูก จนสามีเสียชีวิตจากดื่มเหล้าสูบบุหรี่หนัก จากนั้นอยู่กับลูกมาตลอด ซึ่งปกติเวลาดื่มเหล้าหนักมากเมาแล้วนอนได้ทุกที่ไม่สนใจอะไร เพราะรู้สึกสนุกสนานกล้าแสดงออก
‘จุดเปลี่ยนที่ทำให้เลิกดื่มเหล้าคือลูกเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ อยากมีชีวิตอยู่เพื่อลูกซึ่งเป็นเด็กดีมาก ไม่เคยทำให้แม่เสียใจ ทำให้คิดได้ว่าการไม่ดื่มให้ลูกเห็นน่าจะเป็นสิ่งดี ประกอบกับทางมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลเข้ามาให้ข้อมูลและคำปรึกษาเหล้าก่อให้เกิดความรุนแรงครอบครัว ได้รับผล กระทบโดยตรงจากนั้นจึงอยากถ่ายทอดให้คนอื่น เป็นต้นแบบในการชวนคนเข้ามาทำงาน ร่วมกันในโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาจนบางคนสามารถเลิกดื่มเหล้าได้จริง ส่งผลให้มีสุขภาพดีขึ้นการเงินการงานครอบครัวดีขึ้นด้วย ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่กับลูก มีความสุขมาก สุขภาพก็ดีขึ้นมีเงินเหลือมากขึ้นด้วย อยากสะท้อนชีวิตที่ผ่านมรสุมเลวร้ายของตัวเองให้เป็นวิทยาทานกับคนอื่นๆจึงผันตัวมาทำงานจิตอาสาช่วยเหลือสังคมอย่างทุกวันนี้ และขอฝากว่าการที่คิดว่าเหล้าคือทางออก คือที่พึ่งนั้นไม่จริงเลย เป็นการหลอกตัวเอง สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายดำดิ่ง พอขาดสติจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งมีแต่เสียหาย” นางนัยนากล่าว
นายอัครพงษ์ บุญมี อดีตลูกที่เคยก้าวพลาด กล่าวว่า แม่เลี้ยงตนซึ่งเป็นลูกคนเดียวมาตั้งแต่เล็กจนโต ตนเป็นคนติดเพื่อนไม่ยอมเรียนหนังสือ ชอบไปกินเหล้ามั่วสุมตามห้องเพื่อน จนวันเกิดเหตุเป็นวันเกิดเพื่อน มีการรวมตัวกันกินเหล้า เกิดเรื่องกัน จนเจอข้อหาฆ่าคนตาย ถูกจับดำเนินคดีและศาลตัดสินจำคุกในวัยเพียง 16 ปี
“จำได้ว่าในวันแรกที่ติดคุก คนที่ไม่เคยทิ้งไปไหนเลยคือแม่ มาหาเป็นคนแรก น้ำตาแม่ในวันนั้นจำได้ดี รู้เลยว่าวันนั้นแม่ไม่ได้กินอะไรเลย อยู่ในสภาพกินไม่ได้นอนไม่หลับไม่น้อยไปกว่าผมที่อยู่ในคุก ส่วนเพื่อนฝูงที่กินเที่ยวด้วยกันก็ห่างหายไป ทุกครั้งที่แม่มาหารู้เลยว่าไม่มีเงิน แต่แม่จะให้กำลังใจตลอด ไม่เคยซ้ำเติม และบอกเสมอว่าทำผิดต้องยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชาย คนเราล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ได้ แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่แม่ก็เชื่อมั่นเสมอว่าผมต้องทำได้ ผมอาจไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จใหญ่โตมากมาย แค่มีกิจการงานเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ มีบ้านเป็นของตัวเอง รับเหมางานซ่อมแซมต่อเติมบ้านอยู่บ้าง ไม่ต้องเป็นภาระแม่และพอจะดูแลแม่ได้ตามอัตภาพ สร้างครอบครัวน้อยๆของผมกับลูกและภรรยา วันนี้ดีใจมาก เป็นโอกาสดีอีกครั้งหนึ่งที่ได้บอกรักแม่ ขอโทษแม่ที่เคยทำผิดพลาดมาและได้กราบเท้าแม่ ตอนนี้รู้แล้วว่าแม่รักเรามากแค่ไหน แม่เป็นกำลังใจสำคัญมากอยู่เคียงข้างตลอดไม่เคยบ่นเคยว่าให้รู้สึกแย่ตั้งแต่วันที่ก้าวพลาดจนถึงวันนี้” นายอัครพงษ์ กล่าว
น.ส.อังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล วิเคราะห์สถานการณ์ความเป็นแม่ ความเป็นเมีย กับภาระที่แบกรับท่ามกลางสังคมชายเป็นใหญ่ ว่า ความรุนแรงในครอบครัวต่อผู้หญิง ทั้งในฐานะความเป็นแม่และความเป็นเมีย เกิดขึ้นทั้งระหว่างสามีภรรยา คู่รักแบบแฟน พ่อแม่ ลูก หรือเครือญาติ จากการทบทวนปัญหาความรุนแรงในครอบครัวจากหนังสือพิมพ์ของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ปี 2559 พบว่ามีจำนวน 466 ข่าว ข่าวฆ่ากันตายมากที่สุด รองลงมาข่าวฆ่าตัวตายและข่าวทำร้ายกัน ส่วนอายุผู้ถูกกระทำความรุนแรง คืออายุ 31-40 ปี รองลงมาอายุ41-50 และอายุ 21-30 ปี ซึ่งถือเป็นผู้หญิงอยู่ในวัยทำงานที่มีสถานะความเป็นเมียและความเป็นแม่
สำหรับอายุของผู้กระทำ พบว่า อายุ 31-40 ปี ตามด้วยอายุ 41-50 ปีและอายุ 51-40 ปีตามลำดับซึ่งสอดคล้องกับผู้เข้ามาใช้บริการของฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงมีปัจจัยร่วมจากเครื่องดื่มมึนเมา สารเสพติด และสื่อลามก เหตุการณ์ความรุนแรงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต สภาวะทางจิตใจ หลายรายสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง โทษตัวเอง ทำร้ายตัวเองตลอดเวลา
น.ส.อังคณา กล่าวว่า ภายใต้สังคมแบบชายเป็นใหญ่ ที่กำหนดให้สถานภาพและตำแหน่งของเพศชายเหนือกว่าเพศหญิงและให้คุณค่าความเป็นชายมากกว่าความเป็นหญิง เครื่องมือสำคัญของการดำรงอยู่และถ่ายทอดวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ คือ ระบบความเป็นเพศที่ได้หล่อหลอมบทบาทหน้าที่ อำนาจ สถานภาพ คุณค่าและความสัมพันธ์ทางเพศที่แตกต่างกันและไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ รวมถึงสถาบันต่างๆในสังคม เช่น ความเป็นแม่ที่ต้องเป็นผู้ดูแลทุกคนในครอบครัว ต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่อการถูกกระทำความรุนแรง หรือหลายกรณีเกิดปัญหาลูกถูกคุกคามทางเพศ และแม่ต้องแบกรับการแก้ไขปัญหาเพียงลำพังหรือกล่าวโทษแม่ที่ดูแลคนในครอบครัวไม่ดีโดยยกภาระให้กับผู้หญิงเพียงฝ่ายเดียว และเมื่อผู้หญิงแบ่งเบาภาระของคนในครอบครัวแล้ว ผู้ชายก็ต้องแบ่งเบางานบ้านหรือแบ่งเบาภาระผู้หญิงด้วย
“เมื่อแม่หรือผู้หญิงต้องเจอปัญหาวิกฤตในครอบครัวถูกใช้ความรุนแรงจากสามี ผู้หญิงบางรายลูกถูกข่มขืนจากพ่อ/พ่อเลี้ยง หรือเครือญาติของตนเอง ส่งผลให้ถูกกดดันมากยิ่งขึ้นจากการปกป้องตนเองและปกป้องลูก แม่จึงเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้า เครียด ถูกกดดันจากคนรอบข้าง สังคม จะเห็นได้ว่าผู้หญิงที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อความรุนแรงทางเพศเป็นผู้หญิง เป็นแม่ที่อยู่ในวัยทำงาน ทำให้มีผลต่อการขาดประสิทธิภาพใจการทำงาน และส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม หลายรายเลือกหันไปพึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำมาสู่ปัญหาทวีคูณมากขึ้น เนื่องในโอกาสเทศกาลวันแม่ สังคมควรมีพื้นที่ให้ผู้หญิงหรือแม่ได้มีพื้นที่ระบายความทุกข์ หาทางออก เห็นพลัง เห็นอำนาจภายในตัวเอง และควรมีการส่งเสริมให้ผู้หญิงสามารถลุกขึ้นปกป้องตนเองได้ โดยครอบครัว คนรอบข้างต้องเข้าใจ ไม่ซ้ำเติม สิ่งสำคัญทุกคนในครอบครัวต้องเคารพในความเป็นมนุษย์ ให้เกียรติ ไม่ทำร้ายใช้ความรุนแรงทางร่างกาย อันเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการใช้ชีวิต ขณะที่คนในสังคมต้องไม่เพิกเฉยต่อความรุนแรง หรือมองว่าเป็นเรื่องของคนอื่น เพื่อร่วมกันป้องกันและยุติความรุนแรงให้ลดน้อยลง.-สำนักข่าวไทย