กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – กรมส่งเสริมการเกษตรเผยภัยแล้งทำพื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 200,000 ไร่ นาข้าวเสียหายมากสุด แห้งตายกว่า 150,000 ไร่ ประกาศภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว 3 จังหวัด
นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ผลการสำรวจพื้นที่ประสบภัยของศูนย์เฉพาะกิจติดตามสถานการณ์แล้งฝนทิ้งช่วงปี 2562 โดยกรมส่งเสริมการเกษตรพบว่าข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 สรุปสถานการณ์พืชเศรษฐกิจหลักสำคัญ 4 ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และอ้อย พบว่า ตามแผนการเพาะปลูก 86,552,108 ไร่ พื้นที่เพาะปลูกแล้ว 72,750,126 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 84 ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่เพาะปลูก 13,801,983 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 16
สำหรับพื้นที่เพาะปลูกเสียหายสิ้นเชิง 229,648 ไร่ หรือร้อยละ 0.31 เป็นนาข้าว 156,881 ไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 62,817 ไร่ มันสำปะหลัง 8,621 ไร่ และอ้อยโรงงาน 1,329 ไร่ ขณะนี้มีจังหวัดรายงานพื้นที่การเกษตรเสียหายเบื้องต้นและผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ สุพรรณบุรี และชัยภูมิ
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ เพื่อช่วยเหลือการเกษตรให้เกษตรกรในพื้นที่ประสบภัย ส่วนระยะกลาง ระยะยาวเน้นสร้างการรับรู้ด้านแนะนำการดูแลรักษาพืช การจัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่สวนไม้ผล จัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร เช่น การขุดเจาะบ่อบาดาล ปรับระบบการเกษตรโดยสร้างแหล่งน้ำในไร่นาตามศาสตร์พระราชาและเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำตลอดช่วงฤดูฝนถึงฤดูแล้ง ส่วนมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากแล้งหรือฝนทิ้งใช้หลักเกณฑ์ช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังและการประกันภัยพืชผล สำหรับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซื้อประกันภัยไว้แล้ว สำหรับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แล้งและฝนทิ้งช่วงต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนเกิดภัยและจะช่วยเหลือตามจำนวนพื้นที่เสียหายจริง.-สำนักข่าวไทย