แนวทางเยียวยาโจทก์คดี “แพรวา 9 ศพ”

กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – หลังจากโลกโซเชียลปลุกเรื่องราวคดี “แพรวา 9 ศพ” ให้กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง ท่ามกลางคำถามของสังคมถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้ หลังผ่านมาเกือบจะครบ 9 ปีเต็มแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเหยื่อที่ได้รับผลกระทบยังไม่ได้รับการเยียวยา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาชี้ช่องแนวทางที่จะพอช่วยเหลือได้ 


คำมั่นสัญญาจากมารดาของ น.ส.อรชร หรือ แพรวา หรือ บัวบูชา หรือ น.ส.รวินภิรมย์ ภายหลังลูกสาวก่อเหตุขับรถยนต์เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารบนดอนเมืองโทลล์เวย์ เมื่อปี 2553 จนมีผู้เสียชีวิตมากถึง 9 คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก ยืนยันจะดูแลช่วยเหลือและเยียวยาอย่างดีที่สุด ก่อนเรื่องเงียบหายไป 


แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มี 1 ใน 5 ผู้รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ออกมาทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ปลุกกระแสสังคมให้เรื่องนี้กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง 


หลังต่อสู้กันมา 9 ปี จนคดีถึงที่สุด แต่บาดแผลทางใจของผู้รอดชีวิตยังไม่จางหาย รวมถึงการเยียวยาที่ยังไม่เคยมาถึง แม้ น.ส.แพรวา ถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปี รอลงอาญา 3 ปี และเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นให้ชำระค่าเสียหาย สั่งเยียวยาชดเชยค่าเสียหาย ซึ่งตามกฎหมายต้องชำระให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่ผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ผู้เสียหายบอกว่าไม่เคยได้รับการเยียวยาชดเชยเลย

เรื่องนี้กระทรวงยุติธรรมได้ชี้แนะผู้เสียหายให้เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย ด้วยการขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี เพื่อเข้าสู่กระบวนการสืบทรัพย์ เมื่อทราบว่าจำเลยมีทรัพย์สินอะไรบ้าง จึงยื่นให้กรมบังคับคดี เข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์และขายทอดตลาด

หากจำเลย คือ น.ส.แพรวา และผู้ถูกฟ้อง คือ พ่อ แม่ และเจ้าของรถ ทำการยักยอกถ่ายเททรัพย์ เรื่องนี้ก็สามารถตรวจสอบได้ ขอให้ฝ่ายผู้เสียหายสบายใจได้

หลังสืบทรัพย์เรียบร้อย เข้าสู่ขั้นตอนบังคับคดี หากไม่มีการร้องเรียน ซึ่งเกิดขึ้นน้อย จะสามารถยึดทรัพย์และขายทอดตลาดทรัพย์สิน นำเงินมาจ่ายให้ผู้เสียหายได้ภายใน 6 เดือน

กรณีจำเลยมีทรัพย์ไม่พอกับความเสียหาย ฝ่ายโจทก์สามารถยื่นศาลฟ้องให้เป็นบุคคลล้มละลายได้

สำหรับอายุความในคดีนี้ เนื่องจากเป็นคดีเเพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อคดีอาญาพิพากษาถึงที่สุด ผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกร้องทางแพ่งได้ต่อ โดยมีอายุความ 10 ปี. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง