กทม. 4 ก.ค.-หญิงสาวที่ถูกโรงพยาบาลตรวจเลือดและแจ้งว่าติดเชื้อเอชไอวี นำผลตรวจเลือดจากสภากาชาดไทยที่ได้มาตรวจวันนี้มายืนยันกับสื่อมวลชนว่าไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวีอย่างแน่นอน
จากกรณีนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ในฐานะประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นำนางมณีรัตน์ คงหอม อายุ 31 ปี ผู้เสียหายกรณีโรงพยาบาลทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เผยผลการตรวจผิดพลาด โดยระบุว่าติดเชื้อเอชไอวี (HIV) จนต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากนานกว่า 5 ปี
วันนี้นางมณีรัตน์ได้นำผลการตรวจหาเชื้อเอชไอวีจากสภากาชาดไทย ซึ่งได้ทำการตรวจตั้งแต่ช่วงเช้า และผลเป็นลบ แสดงว่านางมณีรัตน์ไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวี มาแสดงแก่สื่อมวลชน
ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำผลการตรวจจากสภากาชาดไทย ซึ่งถือว่าเป็นผลการตรวจที่ได้มาตรฐานที่สุดในประเทศไทย ไปแสดงแก่กระทรวงสาธารณสุข ขณะเดียวกันขอถามส่งผ่านไปถึงโรงพยาบาลทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ต้นสังกัดที่ทำการตรวจเลือดนางมณีรัตน์เช่นกัน ว่าทำไมผลกลับตรงกันข้าม
ขณะที่นางมณีรัตน์ยังยืนยันกับสื่อมวลชนว่าไม่เคยได้รับเงินชดเชยจากโรงพยาบาลทุ่งสง ตามที่มีข่าวแต่อย่างใด เมื่อได้รับยาต้านไวรัสที่หมอให้ก็ไม่เคยกินยานั้นแม้แต่เม็ดเดียว เพราะความรู้สึกขณะนั้นคือไม่อยากมีชีวิตอยู่ ส่วนลูกนั้นตนต้องการให้หายจากโรคร้าย และให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป
ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า เมื่อนางมณีรัตน์ไม่เคยกินยาต้านไวรัสเลย ดังนั้น เหตุผลที่หมอหลายคนให้ความเห็นว่าการตรวจเลือดไม่พบเชื้อเอชไอวีของนางมณีรัตน์อาจเกิดจากการกินยาต้านไวรัสมานาน จึงไม่ใช่ทฤษฎีที่เป็นไปได้ ขณะที่ตนได้หาเหตุผลมาแล้วหลายอย่าง มีทฤษฎีหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้ คืองบประมาณของโรงพยาบาลแต่ละแห่งมีไม่เท่ากัน ทำให้ประสิทธิภาพของการตรวจหาเชื้อเอชไอวีไม่ได้มาตรฐาน เป็นอีกหนึ่งคำถามที่อยากฝากไปถึงระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของกระทรวงสาธารณสุขด้วย
จากนี้จะรอผลสอบจากคณะกรรมการที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งขึ้น ว่าทางกระทรวงจะมีหลักเกณฑ์เยียวยาเบื้องต้นเป็นที่พอใจแก่นางมณีรัตน์หรือไม่ แต่สำหรับกรณีนี้หากจะฟ้องร้องจะเป็นการเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท จากโรงพยาบาลที่นครศรีธรรมราช โดยถือเป็นค่าความเสียหายของเด็ก 3 คน คนละ 10 ล้านบาท เด็กต้องถูกสังคมกีดกัน ไม่มีเพื่อนเล่น.-สำนักข่าวไทย