“แท็กซี่โอเค” คนขับไม่โอเค

กทม. 30 มิ.ย.- หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ “แท็กซี่โอเค” และ “แท็กซี่ วีไอพี” เป็นโครงการของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งมีแอปพลิเคชันให้เรียกใช้บริการ แต่หากเทียบกับแอปพลิเคชันของเอกชนพบว่า ยังแข่งขันไม่ได้ 


โครงการ “แท็กซี่โอเค” และ “แท็กซี่ วีไอพี” เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 ที่กำหนดให้รถแท็กซี่จดทะเบียนใหม่ทุกคันติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบเพื่อความปลอดภัย ภายในรถจะมีทั้ง GPS Tracking อุปกรณ์บันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ, มีระบบยืนยันตัวตนผู้ขับขี่, กล้องบันทึกภาพ, และปุ่มฉุกเฉิน เชื่อมกับขนส่งและตำรวจ โดยผู้โดยสารดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเรียกใช้บริการได้ ซึ่งแท็กซี่ที่ติดตั้งระบบใหม่ทั้งรถต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 กว่าบาท


ข้อมูลจนถึงวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา มีแท็กซี่ โอเค ทั้งหมด 17,895 คัน ในจำนวนนี้ เป็นแท็กซี่บุคคลธรรมดา 7,262 คัน และนิติบุคคล 10,633 คัน ส่วนแท็กซี่วีไอพี มีอยู่ 80 คัน ขณะที่มีรถแท็กซี่ทั่วไปในระบบ 62,894 คัน ถ้าเทียบสัดส่วน ก็คิดเป็นร้อยละ 77 ของแท็กซี่ในระบบทั้งหมด

ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว คนขับแท็กซี่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แอปพลิเคชันนี้ทำให้เขาเป็นแท็กซี่ไม่โอเคแล้ว เพราะจากที่เคยคาดหวังว่าเมื่อผู้โดยสารเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันนี้จะทำให้เพิ่มรายได้ แต่เมื่อใช้งานจริง บางคนบอกว่าแทบไม่เคยได้รับผู้โดยสารที่เรียกผ่านแอปพลิเคชันนี้เลยสักครั้ง และเห็นว่าการบังคับให้แท็กซี่ใหม่ติดตั้งแอปพลิเคชันนี้ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น สวนทางกับอัตราค่าโดยสารที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนและยังไม่มีการปรับค่าโดยสารขึ้น ทำให้หลายคนต้องสมัครสมาชิกเรียกรถแอปพลิเคชันเอกชนไว้ เพื่อไม่ต้องวิ่งรถเปล่ารอผู้โดยสารเรียกฝ่ายเดียว และพอมีทางช่องทางหารายได้มากขึ้น


ขณะที่คนขับแท็กซี่ที่เคยใช้งานทุกแอปพลิเคชัน บอกว่าแอปพลิเคชันของเอกชน ใช้หาผู้โดยสารได้ดีกว่าแอปพลิเคชันแท็กซี่โอเค ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีตัวเลือกหลากหลาย เช่น ผู้โดยสารสามารถจองคิวล่วงหน้า หรือลูกค้าเหมางานเป็นจ็อบ ระบบจะคำนวณราคาให้โดยอัตโนมัติล่วงหน้าตามแต่ตามสถานที่และช่วงเวลา ทำให้ลูกค้าพอใจมากกว่าการเรียกแท็กซี่ เมื่อเปิดระบบ แอปพลิเคชัน จะเลือกงานให้อัตโนมัติ และยังจูงใจให้รับงานสม่ำเสมอ ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร แต่มีช่องโหว่คือ ผู้ขับรถส่วนบุคคลสามารถนำรถออกมารับงาน แย่งงานแท็กซี่ที่ขึ้นทะเบียนถูกกฎหมายได้ ส่งผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบอาชีพแท็กซี่ในขณะนี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก