กทม. 11 มิ.ย.-การเมืองเดินหน้า จับตา! ปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า รอรัฐบาลใหม่แก้ไขและสานต่องานโครงการต่างๆ
วันนี้มีความคืบหน้าที่ถือเป็นข่าวดี ที่ทำให้ปัจจัยการเมืองเกิดความชัดเจนมากขึ้น โดยช่วงบ่ายที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ จะมีการเดินหน้าให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล จัดตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งวันนี้ เราจะไปดูปัญหาด้านเศรษฐกิจ ที่รอให้รัฐบาลใหม่ รีบแก้ไข และการสานต่องานโครงการต่างๆ ซึ่งมีหลายเรื่อง มีข้อเรียกร้องของภาคเอกชนและมุมมองของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อรัฐบาลชุดใหม่ เริ่มจาก สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน กำลังเร่งจัดทำ “สมุดปกขาว” เสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2562 เพื่อให้รัฐบาลได้ทราบแนวทางสิ่งที่เอกชนต้องการทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเนื้อหาในสมุดปกขาวทาง กกร.ได้เสนอแนวทางระยะสั้นที่รัฐบาลต้องทำทันที “ห้ามหยุดชะงัก” ประกอบไปด้วย
1) ต้องเดินหน้าโครงการที่เป็นประโยชน์และมีความต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC, โครงการรถไฟรางคู่, โครงการถนนเข้าสู่หมู่บ้าน
2) การจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ทุก ๆ 6 เดือน กับการประชุมคณะกรรมการความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจ ทุก ๆ 3-4 เดือน เพื่อทำงานร่วมกันระหว่างรัฐกับภาคเอกชน
ส่วนมาตรการระยะสั้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการทางด้านภาษี เช่น โครงการชอปช่วยชาติ, การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์และทบทวนมาตรการบังคับเพิ่มเงินดาวน์ในการขอสินเชื่อซื้อบ้าน-คอนโดฯ หรือ LTV และปัญหาที่รอแก้ไขเร่งด่วน ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ส่งเสริมการแปรรูป และพึ่งพาการบริโภคในประเทศด้วยนโยบาย Made in Thailand
ส่วนมาตรการระยะยาว ช่วยเหลือและพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs, ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน, พัฒนาบุคลากร และพัฒนาด้านการศึกษา ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจปี 2562 เดิมตั้งเป้าไว้ว่า GDP โตได้ 3.7-4% ขณะที่การส่งออกจากที่ตั้งเป้าไว้ 3-5% ถึงตอนนี้แน่นอนว่าจะลดต่ำลงกว่านี้แน่นอน
นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า งานที่รัฐบาลใหม่ต้องสานงานต่อก็คือ การแก้ปัญหาสงครามการค้าและแผนรับมือ รวมไปถึงวิธีการเจาะตลาดและผลักดันการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย ส่วนการส่งออกปีนี้ คาดการณ์จะเติบโตเพียง 1% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 3%
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยประธานสมาคมธนาคารไทย มองว่า สิ่งแรกที่รัฐบาลใหม่จะต้องเร่งดำเนินการคือรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจให้สามารถขยายตัวได้เฉลี่ยร้อยละ 3-4 โดยจะต้องพิจารณาจากภาพรวมเศรษฐกิจให้ครบถ้วน เช่น กรอบอัตราเงินเฟ้อและการรักษาวินัยการเงินการคลัง การดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกับภาคธุรกิจ เพราะช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกทั้งสงครามการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานที่ปรึกษาบริษัทอินโนสเปซ (ประเทศไทย) เสนอว่า ต้องการให้รัฐบาลใหม่ผลักดันธุรกิจ startup รวมถึงการผลักดันให้ธุรกิจใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อก็เป็นการสานต่อนโยบายเดิมที่วางไว้ โดยวันนี้ มีการลงนามร่วมกับภาครัฐ-เอกชน-สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา 30 องค์กร เป็นความร่วมมือ ซึ่งคาดว่าจะระดมทุนในเดือนหน้าได้กว่า 500 ล้านบาทในการส่งเสริมสตาร์ทอัพ ส่วนด้านพลังงาน นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ.ต้องรอ ครม.ใหม่มาเห็นชอบในการนำเข้าแอลเอ็นจี ไม่เกิน 1.5 ล้านตันต่อปี โดยกรณีนี้ เป็นการดำเนินการตามนโยบาย ซึ่งในขณะนี้ กฟผ.กำลังเจรจากับ ปตท.ในการแก้ไขปัญหา เทคออร์เพย์ หรือ ไม่ใช้ก็ต้องจ่าย ในปีหน้า หากเจรจายังไม่จบ ก็อาจจะเจรจากับผู้จำหน่ายในการลดการนำเข้าในปี 2563 ด้วย.-สำนักข่าวไทย