นิวยอร์ก 7 มิ.ย.- นายไมเคิล บลูมเบิร์ก มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เจ้าของธุรกิจบริการการเงิน ซอฟต์แวร์และสื่อมวลชนที่ตั้งชื่อตามนามสกุลของเขาเผยว่า จะทุ่มเงิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,684 ล้านบาท) ดำเนินโครงการที่จะทำให้สหรัฐเลิกใช้พลังงานที่ก่อให้เกิดคาร์บอนและแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นายบลูมเบิร์ก อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก วัย 77 ปี ปัจจุบันเป็นทูตด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของเลขาธิการสหประชาชาติ เขาออกถ้อยแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐว่า จะใช้เงินจำนวนดังกล่าวในโครงการ Beyond Carbon มุ่งปิดโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินเกือบ 250 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2573 และหยุดยั้งไม่ให้มีการสร้างขึ้นมาใหม่ ตอนนี้ต้องรีบแข่งกับเวลาแก้ไขการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ไม่มีหวังจะได้เห็นการดำเนินการอย่างจริงจังจากรัฐบาลกลางในช่วงสองปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อย ธรรมชาติไม่รอปฏิทินทางการเมืองและทุกคนก็รอไม่ได้เช่นกัน โครงการใหม่นี้ทำให้ยอดเงินที่เขารับปากจะใช้แก้ไขการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรวมเป็น 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 31,368 ล้านบาท) แล้ว หนึ่งในนั้นคือโครงการ Beyond Coal ที่ประกาศเมื่อปี 2554 และทำให้ปิดโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินในสหรัฐได้แล้ว 289 แห่ง จากทั้งหมด 530 แห่ง
เว็บไซต์โครงการ Beyond Carbon เผยว่า จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐใช้พลังงานสะอาดทั้งหมดและจะรณรงค์คัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ เป็นการเพิ่มพลังให้แก่งานที่กำลังดำเนินอยู่ เพิ่มอำนาจให้แก่เจ้าหน้าที่และผู้คนที่เป็นแกนนำในเรื่องนี้ ระดมเสียงสนับสนุนจากประชาชน และยืนหยัดตามที่สหรัฐรับปากในข้อตกลงลดโลกร้อนปารีสปี 2558 ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ถอนสหรัฐออกมาในปี 2560
นายบลูมเบิร์กมีทรัพย์สินประมาณ 55,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.74 ล้านล้านบาท) เมื่อปีก่อนตามการประเมินของนิตยสารฟอร์บส์ นักสังเกตการณ์ทางการเมืองจับตามานานว่าเขาจะชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐหรือไม่ จนกระทั่งเขาประกาศชัดเจนเมื่อเดือนมีนาคมว่า จะไม่สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงประธานาธิบดี เพราะอยากสร้างความเปลี่ยนแปลงนอกทำเนียบขาว เขารักประเทศชาติมากเกินกว่าจะนั่งรอให้ทุกอย่างดีขึ้นทั้งที่ปัญหาทุกอย่างเลวร้ายลง และรู้ดีว่าจนกว่าจะถึงปี 2564 (เป็นปีที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะครบวาระ) หรือหลังจากนั้น ความหวังที่แท้จริงอยู่นอกทำเนียบขาวเท่านั้น.- สำนักข่าวไทย