กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – โซลาร์ภาคประชาชยอืดคนสมัครน้อย ด้านเสนาพร้อมสมัครให้ลูกบ้านไม่ต่ำกว่า 164 ราย พร้อมเสนอรัฐบาลใหม่กระตุ้นอสังหาฯ เพิ่ม
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้ดำเนินโครงการหมู่บ้านใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) เต็มรูปแบบรายแรกของไทย เปิดเผยว่า ทางเสนา ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้านที่อยู่อาศัย(โซลาร์รูฟท็อป) ทุกหลังทุกโครงการ โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2559 ทำให้ลูกบ้านประหยัดค่าไฟฟ้าแล้วยังมีโอกาสที่จะนำส่วนเกินที่เหลือจากการใช้ไฟขายเข้าระบบผ่านโครงการโซลาร์ภาคประชาชนในอัตรา 1.68 บาท/หน่วย บริษัทจึงเตรียมพร้อมที่จะยื่นขอสิทธิ์ให้กับลูกบ้าน รวมทั้งหมด 6 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเสนาพาร์ค แกรนด์ รามอินทรา ,โครงการเสนาพาร์ควิลล์ รามอินทรา – วงแหวน, โครงการเสนาวิลล์ บรมราชชนนี สาย 5, โครงการเสนาแกรนด์ โฮม รังสิต ติวานนท์, โครงการเสนาช็อปเฮ้าส์ พหลโยธิน คูคต และโครงการเสนาช็อปเฮ้าส์ บางแค เฟส 1 และเฟส 2 ซึ่งมั่นใจว่าจะมีจำนวนรายที่ยื่นสูงสุดกว่า 164 ราย คิดเป็นจำนวน 394.40 กิโลวัตต์
“เสนาฯ จะยื่นโครงการโซลาร์ภาคประชาชนในบ้านเตรียมพร้อมขาย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมโครงการพลังงานสะอาดของรัฐบาล และเป็นผู้ยื่นให้กับลูกบ้านแล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกบ้าน ซึ่งเสนาถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ เจ้าเดียวที่ทำหมู่บ้านที่ติดโซลาร์ทุกหลังยกเว้นบ้านที่มีราคาต่ำประมาณ 1 ล้านบาท ” นางสาวเกษรา กล่าว
ทั้งนี้ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เปิดให้สมัครโครงการโซลาร์ภาคประชาชนรวม 100 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ 24 พฤษภาคมถึงสิ้นปีนี้ แต่คนสนใจน้อยมากประมาณ 300 ราย 1.47 เมกะวัตต์ โดยต้องลงทุนกว่า 300,000 บาท/ราย
นางสาวเกษรา กล่าวว่า เมื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก็จะช่วยสร้างความมั่นใจนักลงทุน อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าก็คาดหวังว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะมาตรการอสังหาริมทรัพย์น่าจะลดค่าจดทะเบียนการโอน และลดค่าจดจำนองเหลือ 0.01% ในสัดส่วนอสังหาริมทรัพย์ที่คนซื้อมาก คือ ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ 2-3 ล้านบาท หรือ 3-5 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 60 ของอสังหาริมทรัพย์โดยรวม จากที่รัฐออกมาตรการนี้เฉพาะอสังหาริมทรัพย์ต่ำกว่า 1ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีเพียงร้อยละ 10 ของตลาดรวม จึงไม่ช่วยกระตุันเศรษฐกิจมากนัก ขณะเดียวกันหากรัฐบาลใหม่เพิ่มราคาการซื้อไฟฟ้าส่วนเกินโซลาร์ภาคประชาชนก็จะทำให้มีคนสนใจเข้าโครงการมากขึัน
นอกจากนี้ เสนาฯ ยังเตรียมรุกตลาดพลังงานมากขึ้น โดยบริษัท เสนาโซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ได้มีการวางแผนและตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 600 ล้านบาท ซึ่งจะเข้าไปขยายตลาดในกลุ่มผู้ประกอบการ อาทิ โรงงาน คลังสินค้า เป็นต้น รวม 13 แห่ง โดยเฉพาะการเข้าไปทำตลาดในรูปแบบของการจำหน่ายไฟฟ้าตรงให้กับผู้ประกอบการ หรือ Private PPA เป็นการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา และจำหน่ายไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวัน ให้กับผู้ประกอบการโดยตรง เนื่องจากช่วงเวลากลางวันเป็นช่วงเวลาการจำหน่ายไฟฟ้าที่มีราคาสูง (ON PEAK) ทำให้ต้นทุนการใช้พลังงานลดต่ำลง เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์จะมีราคาที่ต่ำกว่าราคาไฟฟ้าที่ซื้อจากระบบของการไฟฟ้า.-สำนักข่าวไทย