กรุงเทพฯ 15 พ.ค. – “ศุภชัย เจียรวนนท์” ประกาศจุดยืนเครือซีพี ขับเคลื่อนธุรกิจคู่ขนานการพัฒนาที่ยั่งยืน ย้ำยุทธศาสตร์รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มุ่งประโยชน์ประเทศและประชาชน
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่สถาบันพัฒนาผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ จ.นครราชสีมา มีการประชุมสัมมนา นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ บรรยายถึงการขับเคลื่อนทางธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ต้องคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยในการบรรยายช่วงหนึ่งได้กล่าวถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ว่า โครงการดังกล่าวเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงและได้รับผลตอบแทนอัตราที่ไม่สูง แต่เหตุผลสำคัญที่เครือฯ สนใจและเข้าไปลงทุน เนื่องจากเป็นโครงการพัฒนาที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และสังคม ที่เครือยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ
“แม้จะยาก มีความเสี่ยงสูง แต่เครือซีพีต้องใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ และดึงคนเก่ง ๆ จากทั่วโลกมาช่วยกันทำให้สำเร็จ เพราะโครงการนี้ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานแรกของภูมิภาคอาเซียน และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง หรือ HUB ของอาเซียน และสามารถส่งเสริมประเทศเพื่อนบ้านในแถบ CLMV ให้เติบโตไปพร้อมกันแบบยั่งยืนได้อีกด้วย”นายศุภชัยกล่าว
นอกจากนี้ ต้องขอขอบคุณทีมงานที่ทุ่มเทเตรียมการเข้าประมูลอย่างหนักและความสำเร็จในการดึงพันธมิตรจากทั่วโลกมาลงทุนในประเทศไทย เพื่อเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างประเทศในพื้นที่อีอีซี ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน ยุโรป และอีกหลายประเทศ
ทั้งนี้ ซีอีโอเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ชี้ให้เห็นว่ารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น เป็นหัวใจสำคัญที่ก่อให้เกิดการพัฒนาเมือง ซึ่งจะกระจายความเจริญทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สู่ทุกชุมชน และคนไทยทั้งประเทศจะได้ประโยชน์จากการเข้ามาลงทุนจากต่างประเทศ และการนำความรู้มาพัฒนาคน สร้างงานในยุค 4.0 ซึ่งการถ่ายทอดองค์ความรู้จะเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนินการ นอกจากนี้ การเข้าถึงบริการของผู้เปราะบาง เช่น ผู้พิการ ต้องคิดถึงเป็นอันดับแรก รวมถึงการออกแบบที่คำนึงถึงอนาคตหากเกิดชุมชนขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อความเจริญขยายตัวออกจากกรุงเทพว่าจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร เพื่อดำเนินการด้านสังคมไปควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้น ประเด็นสำคัญของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือ การพัฒนา ซึ่งมีความหมายมากกว่าการลงทุน เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
นอกจากนี้ ประธานคณะผู้บริหารเครือซีพี ได้กล่าวถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่ต้องดำเนินคู่กันไป ว่าจะเป็นเรื่องของพลังงานทางเลือก การจัดการขยะพลาสติก และตั้งเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญต่อการชดเชยคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ลดลงทุกปีและเข้าสู่ศูนย์ปี 2573.-สำนักข่าวไทย