สมเด็จฮุนเซนอวยพรพล.อ.ประยุทธ์ให้เป็นนายกฯ ต่อ

จ.สระแก้ว 22 เม.ย.- “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน“สมเด็จฮุนเซน” ในพิธีเปิดสถานีรถไฟด่านพรมแดนบ้านคลองลึก เผย สมเด็จฮุนเซนบอกทำงานกับรัฐบาลนี้ 5 ปีก้าวหน้ามากที่สุด และอวยพร “พล.อ.ประยุทธ์” ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ  ไม่ยอมให้ใช้กัมพูชาเป็นฐานต่อต้านรัฐบาลไทย  เตือนอากาศร้อนอย่าปลุกความขัดแย้งขึ้น 


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า ได้พูดคุยกับ สมเด็จฮุนเซน ซึ่งกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา ในรัฐบาลชุดนี้มีความก้าวหน้ามากที่สุด เพราะตลอด 30 กว่าปีของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมงานกับ 12 นายกรัฐมนตรีของไทย รัฐบาลนี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีความสัมพันธ์ที่ดีและมีความก้าวหน้าในการพัฒนางานทุกด้าน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สมเด็จฮุนเซน บอกว่าการมาร่วมเป็นสักขีพยานในการแสดงความยินดีเรื่องของระบบโลจิสติกส์ ทั้งทางถนนและทางรถไฟเพื่อทำให้การสัญจรไปมาของประชาชนทั้ง 2 ประเทศมีความสะดวกสบายมากขึ้น และเอื้อต่อการค้าและการลงทุนระหว่างกัน แม้ว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จแต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ เพราะต้องรอความพร้อมจากฝั่งกัมพูชา  และศึกษารายละเอียดข้อกฏหมายระหว่างประเทศด้วย แต่ก็ถือเป็นความร่วมมือที่ดีระหว่างกัน


“สมเด็จฮุนเซน ยังยืนยันจุดยืนว่า จะไม่ยอมให้มีใครมาใช้ดินแดนของกัมพูชาในการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลไทย ซึ่งผมก็ไว้ใจและต้องเคารพซึ่งกันและกัน เพราะประโยชน์ของชาติเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก  สมเด็จฮุน เซน ยังได้ให้กำลังใจโดยขอให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีต่อเพื่อสานงานต่อไป แต่ผมบอกไปว่า เรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนและเป็นเรื่องของการดำเนินการทางการเมือง สมเด็จฮุน เซน ยังเชื่อมั่นว่าหลายอย่างดีขึ้นในรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะการทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข เรียบร้อย ไม่มีความขัดแย้งรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา เพราะหากประเทศไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ มีการประท้วงรุนแรง จะเป็นอุปสรรคต่อความร่วมระหว่างกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังฝากกับประชาชนด้วยว่า อากาศร้อนก็อย่าไปร้อนตาม ขอให้ใจเย็น ๆ อากาศร้อนแล้วจะไปร้อนตามอากาศทำไม อย่าปลุกความขัดแย้งขึ้นมาอีก เพราะตอนนี้ความเกลียดชังยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะการใช้วาทกรรมในโซเชียลที่ส่งผลให้สังคมปั่นป่วน หากคนที่มีความรู้หรือมีข้อมูลจะไม่แสดงความคิดเห็นลักษณะดังกล่าว หากว่ากันไปมาก็จะไม่เกิดประโยชน์และมีแต่ภาพของความขัดแย้งมากขึ้น  ตนอยากให้เกิดความสงบเรียบร้อยเพื่อบ้านเมืองจะได้มีเสถียรภาพ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย