ธปท. 19 เม.ย. – ผู้ว่าการ ธปท.เชื่อเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังดีขึ้น จากการมีรัฐบาลใหม่ และบรรยากาศการค้าระหว่างประเทศดี ชี้หากจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยืดเยื้อถึง ส.ค.-ก.ย.อาจกระทบเศรษฐกิจไทย
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าขยายตัวร้อยละ 3.8 สอดคล้องกับศักยภาพ โดยเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีกว่าครึ่งแรก เนื่องจากจะมีความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าในช่วงครึ่งแรกของปี ซึ่งหากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ภายในเดือนมิถุนายน ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อประมาณการเศรษฐกิจไทยประเมินไว้ แต่หากล่าช้า หรือเลื่อนออกไปถึง ส.ค.หรือ ก.ย. จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งเรื่องการการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ของภาครัฐ โครงการที่อยู่ในปีงบประมาณ 2563 ซึ่งจำเป็นต้องให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบและทำให้การใช้งบประมาณในโครงการใหม่ ๆ ต้องเลื่อนออกไป นอกจากนี้ ยังมีนโยบายบางส่วนที่ภาคเอกชนยังรอความชัดเจนจากรัฐบาลใหม่ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ เช่น การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ รวมทั้งยังมีหลายประเทศที่เป็นคู่เจรจา กับไทย รอการเจรจาการค้ากับรัฐบาลใหม่ ดังนั้น หากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ชัดเจน และล่าช้ายาวนาน อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในปีนี้ได้
นายวิรไท กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยที่ดีกว่าในครึ่งปีแรก คือ บรรยากาศการค้าระหว่างประเทศที่ดีขึ้น หลังจากที่ถูกกกดันจากปัญหาสงครามการค้า ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากกังวลต่อมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐและจีน จึงได้สั่งนำเข้าสินค้าไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ดังนั้น จึงส่งผลให้ยอดสั่งคำซื้อและยอดการผลิตในช่วงต้นปีนี้งต่ำกว่าปกติ แต่เมื่อจำนวนสินค้าที่สั่งไปก่อนล่วงหน้าลดลง ก็จะมีการผลิตเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ รวมทั้งจะมีการย้ายฐานการผลิตจากบางประเทศเข้ามาในไทย คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องกำลังการผลิตได้ในช่วงครึ่งปีหลังเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย