วอชิงตัน 1 เม.ย.- รัฐบาลสหรัฐขู่ซ้ำจะปิดพรมแดนด้านเม็กซิโก หลังจากตัดความช่วยเหลือประเทศในอเมริกากลางที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาว่าจงใจส่งคนเข้าเมืองมาสหรัฐ
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะปิดพรมแดนด้านเม็กซิโกในสัปดาห์นี้ หากเม็กซิโกไม่หยุดยั้งผู้ลอบเข้าเมืองที่มุ่งหน้ามาสหรัฐ พร้อมกับกล่าวหาประเทศในอเมริกากลางว่าจัดตั้งขบวนผู้เข้าเมืองแล้วส่งขึ้นเหนือมาสหรัฐ ต่อมานายมิค มัลเวนีย์ รักษาการหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์ในรายการ This Week ของสถานีโทรทัศน์เอบีซีเมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีเหลือทางเลือกเล็กน้อย หากพรรคเดโมแครตไม่สนับสนุนการเพิ่มความปลอดภัยพรมแดนหรือแก้ไขกฎหมายเข้าเมือง ประธานาธิบดีจะทำทุกอย่างภายใต้ข้อจำกัดเหล่านี้ หากต้องปิดพรมแดนก็ต้องทำเพื่อความปลอดภัย ด้านนางเคลลีแอนน์ คอนเวย์ ที่ปรึกษาทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์รายการ Fox News Sunday ของสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า สถานการณ์บริเวณพรมแดนด้านเม็กซิโกถึงจุดหลอมละลายแล้ว ประธานาธิบดีจริงจังเรื่องขู่ปิดพรมแดน ไม่ใช่แค่ขู่ให้กลัว
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขคริสต์จักรนิกายโรมันคาทอลิกประทานสัมภาษณ์สื่อเมื่อวันอาทิตย์ว่า ในที่สุดแล้วผู้สร้างกำแพง ไม่ว่าจะเป็นรั้วลวดหนามหรืออิฐ จะกลายเป็นนักโทษภายในกำแพงที่ตัวเองสร้างขึ้นมา ขณะที่ผู้บริหารบริษัทส่งออกสินค้าไปเม็กซิโกทางรถไฟแสดงความกังวลว่า การปิดพรมแดนจะส่งผลกระทบรุนแรงและเป็นวงกว้างทันที เพราะเม็กซิโกต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ ก๊าซโพรเพน น้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำจากสหรัฐ ด้าน ส.ว.ริชาร์ด เดอร์บิน ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาพรรคเดโมแครตให้สัมภาษณ์รายการ Meet the Press ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีนิวส์เรื่องรัฐบาลเผยเมื่อวันเสาร์ว่าได้ตัดงบช่วยเหลือเอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา และฮอนดูรัสว่า สามประเทศในอเมริกากลางนี้กำลังแตกสลายต่อหน้าต่อตา ประชาชนพากันหนีมาสหรัฐ การกระทำของรัฐบาลไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมาได้.-สำนักข่าวไทย