กรุงเทพฯ 28 มี.ค. – กรมบัญชีกลางเผย 1 ปี 5 เดือน ผู้มีรายได้น้อยใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการกว่า 76,000 ล้านบาท จากผู้มีสิทธิ์ 14.5 ล้านราย
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า การใช้สิทธิ์สวัสดิการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ์ 14.5 ล้านราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 – 28 กุมภาพันธ์ 2562 รวมทั้งสิ้น 76,802.78 ล้านบาท โดยมีการใช้สิทธิ์ผ่านวงเงินสวัสดิการแห่งรัฐ แบ่งเป็นใช้จ่ายที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ/ร้านค้าประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง/ร้านถุงเงินประชารัฐ 55,381.72 ล้านบาท ร้านก๊าซหุงต้ม 127.43 ล้านบาท รถไฟฟ้า (รฟม.) 31.72 ล้านบาท รถ บขส. 202.77 ล้านบาท รถไฟ 358.84 ล้านบาท และรถ ขสมก. 230,000 บาท และมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิต 5,059.95 ล้านบาท รวมถึงการปรับการเติมเงินรายเดือนวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 4,898.21 ล้านบาท
สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 4 มาตรการ กรมบัญชีกลางโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ของผู้มีสิทธิ์ ประกอบด้วย มาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปี 7,148.13 ล้านบาท มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน สำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีภาระค่าเช่าบ้านและไม่มีที่อยู่อาศัย 247.11 ล้านบาท มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลแก่ผู้สูงอายุ 3,175.94 ล้านบาท มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา 146.99 ล้านบาท
นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางโอนเงินมาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้ข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระแบ่งเป็น 5% โอนเข้ากระเป๋า e-Money เป็นเงิน 20.02 ล้านบาท และ 1% เพื่อการออม โอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน 3.37 ล้านบาท บัญชีเงินฝาก ธ.ก.ส. 350,000 บาท
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพในชีวิตประจำวันของผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันพยายามสร้างรากฐานการออมในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้มีเงินเก็บสำหรับการใช้จ่ายในอนาคต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระยะยาว.-สำนักข่าวไทย