ตลท. 26 มี.ค. – ผู้จัดการตลาดหุ้นมองหุ้นไทยผันผวนระยะสั้น รอความชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ผู้จัดการกองทุนคาดหากรัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพเงินทุนจะไหลเข้าไทย แต่กังวลกำไรบริษัทจดทะเบียนไม่ค่อยดี เตรียมปรับเป้าหุ้นไทยปีนี้ใหม่
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยผันผวนระยะสั้น เพราะยังต้องรอติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งทั้ง 2 พรรคการเมืองที่ได้คะแนนสูงสุด ต่างก็มีนโยบายสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศระยะยาว ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม อยากฝากนักลงทุนให้ลงทุนโดยมีหลักการ มีเหตุผล คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก พิจารณาลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานดีและมีแนวโน้มการเติบโต และขอให้กระจายการลงทุนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และให้ติดตามปัจจัยภายนอก ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่นักลงทุนยังต้องให้ความสำคัญ
“ประเด็นการเมืองอาจจะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยผันผวนบ้างระยะสั้น เพราะรอดูว่าพรรคการเมืองไหนจะได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่ว่าพรรคใดเป็นรัฐบาลทุกพรรคก็ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ” นายภากร กล่าว
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า ต้องรอติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ สิ่งที่กังวล คือ คะแนนของพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐที่ค่อนข้างสูสี ซึ่งอาจจะทำให้โอกาสที่จะเกิดสุญญากาศไม่มีพรรคไหนรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลได้ (เดดล็อค) แต่อยากให้ทุกฝ่ายมองประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก โดยคาดว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเสร็จเดือนมิถุนายน 2562 หากการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย มีเสถียรภาพดี กองทุนระยะยาวที่รอดูสถานการณ์การเมือง ก็จะกลับมาลงทุนในไทย ดังนั้น ระยะสั้นการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะถูกกดดันด้วยปัจจัยการเมืองต่อไปอีกระยะหนึ่ง หลังจากนั้นจะกลับมาให้น้ำหนักกับเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง อัตรากำไรของบริษัทจดทะเบียน
นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าการลงทุน บลจ.วรรณ กล่าวว่า การเจรจาของพรรคการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นเรื่องปกติของการเมืองไทย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยระยะสั้นที่กดดันตลาด โดยปัจจัยในระยะยาวที่มีผลต่อการลงทุน คือ อัตรากำไรของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งมีแนวโน้มที่กำไร บจ.ไตรมาส 1/2562 จะออกมาไม่ค่อยดีเหมือนกับไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ดังนั้น มีแนวโน้มที่จะปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ลดลงจากเดิมที่คาดไว้ 1,723 จุด
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนจากความไม่แน่นอนในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมปัจจัยการเมือง คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,615-1, 635 จุด แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์หลังเลือกตั้ง กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ชู WHA, AMATA กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ชู STEC, SEAFCO หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL, BJC และ MAKRO รวมทั้งหุ้นกลุ่ม Defensive ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก แนะนำ HMPRO, CPALL กลุ่มท่องเที่ยว แนะนำ AOT, CENTEL, ERW ซึ่งได้ประโยชน์จาก Free Visa on Arrival กลุ่มโรงพยาบาล แนะนำ BCH.-สำนักข่าวไทย