เชียงใหม่ 15 มี.ค.- หมอกควันที่ปกคลุมหลายจังหวัดภาคเหนือ ยังวิกฤติหนักต่อเนื่อง รวมทั้งที่เชียงใหม่ ค่าฝุ่นละอองขนาด PM2.5 หรือฝุ่นพิษยังสูงถึงขั้นกระทบต่อสุขภาพต่อเนื่องมา 5 วัน โดยเฉพาะวันนี้ที่หมอกควันหนาแน่นกว่าทุกวัน
สอดคล้องกับการวัดดัชนีคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งคุณภาพอากากาศอยู่ในขั้นกระทบต่อสุขภาพ ต่อเนื่องมา 5 วันแล้ว โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาด PM2.5 หรือฝุ่นพิษ เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเช้าวันนี้ ยังสูงเกินมาตรฐานไปเกือบ 2 เท่าตัว อย่างที่จุดวัด ต.ช้างเผือก ซึ่งวัดค่าฝุ่นพิษได้สูงถึง 148 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
แต่หากไปดูค่าตรวจวัดฝุ่นพิษรายชั่วโมง จากดัชดีคุณภาพอากาศเพื่อสุขภาพชาวเชียงใหม่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งติดตั้งเครื่องวัดไว้ตามชุมชนต่างๆ จะเห็นค่าฝุ่นพิษที่น่าตกใจ โดยเฉพาะในช่วง 08.00-09.00 น.ของเมื่อเช้านี้ ที่ อบต.บ้านเป้า ใน อ.แม่แตง ค่าฝุ่นพิษรายชั่วโมงสูงทะลุ 400 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และอีก 21 พื้นที่ทั้งเขต อ.แม่ริม ดอยสะเก็ด สันทราย และสันป่าตอง ล้วนแต่มีค่าฝุ่นพิษรายชั่วโมงสูงเกิน 300 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เพราะในช่วงเช้าเชียงใหม่ยังมีอากาศเย็นอุณภูมิ 23-24 องศาเซลเซียส กดฝุ่นละอองไว้ ทำให้เชียงใหม่กลับขึ้นไปเป็นเมืองที่มีมลพิษสูงที่สุดในโลกอีกครั้ง ซึ่งเป็นการจัดลำดับจาก 85 เมืองทั่วโลก และในไทยมีเพียงกรุงเทพฯ และเชียงใหม่เท่านั้นที่นำไปจัดอันดับ
แม้เจ้าหน้าที่ระดมกำลังพยายามเข้าดับไฟจากการเผาตามจุดต่างๆ กันทั้งวันทั้งคืน ซึ่งวันนี้เชียงใหม่พบจุดความร้อนจากการเผาทั้งหมด 137 จุด รวมทั้งระดมฉีดพ่นน้ำตามชุมชน แต่ด้วยสภาพอากาศและภูมิประเทศของเชียงใหม่และลำพูนเป็นแอ่งกระทะ เมื่ออากาศเย็นมากดทับจึงเหมือนปิดฝาไว้ไม่ให้หมอกควันลอยขึ้นไปได้ จึงทำให้เกิดปัญหาหมอกควันทุกปี.-สำนักข่าวไทย