เชียงใหม่ 8 เม.ย.- เชียงใหม่สั่งดูแลกลุ่มเปราะบางเข้ม หลังเผชิญฝุ่นพิษติดอันดับโลกต่อเนื่อง แพทย์รับ PM2.5 มีส่วนทำให้เป็นมะเร็งปอด
เว็บไซต์ไอคิวแอร์รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ เมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูง (AQI) อันดับ 1 ของโลก ยังเป็นจังหวัดเชียงใหม่ ค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งติดอันดับ 1 ของโลกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชียงใหม่ยังเป็นเมืองในหมอก มองไม่เห็นดอยสุเทพ ประชาชนแสบตาแสบจมูกและได้กลิ่นควันไฟชัดเจนติดต่อกันเป็นสัปดาห์ ขณะที่ศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รายงานค่า PM2.5 บริเวณ รพ.สต.บ้านแม่นะ อำเภอเชียงดาว แบบรายชั่วโมง อยู่ที่ 462 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ นำโดยนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทีมแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมแถลงถึงมาตรการดูแลกลุ่มเปราะบาง ว่า ขณะนี้ได้มีมาตรการดูแลอย่างเข้มข้น ทั้งการติดตามอาการถึงบ้าน การส่งต่อผู้ป่วย การแจกแมสก์และสร้างห้องปลอดฝุ่น หลังสถานการณ์เชียงใหม่มีค่าฝุ่นพิษสูงติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีจุดความร้อนที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ป่า สูงกว่า 500 จุด ซึ่งเชียงใหม่มีพื้นที่ป่ามากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ประกอบกับหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีกว่า 7,000-9,000 จุดทำให้ค่าฝุ่นพิษเกินมาตรฐานและส่งผลกกระทบต่อสุขภาพประชาชน วันนี้ทีมแพทย์จึงรายงานสถานการณ์ว่ามีตัวเลขผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ หัวใจหลอดเลือด ที่ปกติจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ปีนี้แม้จะลดลงประมาณ 16% แต่ก็ยังดูแลเข้มข้น ส่วนอาการป่วยอื่นๆ ตามมา ทั้งผิวหนัง ผื่นแพ้ ตาแสบ หอบหืด กำเดาไหล ฯลฯ พบเพิ่มขึ้นชัดเจน 4-5 % โดยเฉพาะช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มผู้ป่วย COPD ปอดอุดกั้นเรื้อรังจะถูกกระตุ้นให้อาการกำเริบขึ้น พร้อมยอมรับ PM2.5 มีส่วนที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดได้ และภาคเหนือ ยังพบการสูญเสียเป็นอันดับ 1 แต่ยืนยันยังไม่เข้าขั้นวิกฤติ ขณะนี้เตียงผู้ป่วยวิกฤติยังสามารถรองรับได้อยู่
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ย้ำว่าหากสถานการณ์รุนแรงมากกว่านี้จะออกประกาศ และขอความร่วมมือให้เอกชนประกาศ Work from home พร้อมเตือนให้นักท่องเที่ยวเฝ้าระวังและดูแลตนเองในช่วงนี้ด้วย
ด้านองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันสนับสนุนช่วยเหลือหน้ากากอนามัย และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อส่งต่อผู้ป่วยในแต่ละพื้นที่ ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปภ.เชียงใหม่ ได้ขอกำลังจ้าหน้าที่เพิ่มเติม โดยเฉพาะกำลังทหารให้ช่วยดับไฟป่า เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ไม่เกิดการลุกลามเนื่องจากขณะนี้กำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ. 719.-สำนักข่าวไทย