“ก้าวไกล” เปิดรายงานสถานการณ์ไฟป่า-ฝุ่นพิษ ’67 พร้อมข้อเสนอถึงรัฐบาล

เชียงใหม่ 10 พ.ค. – “ก้าวไกล” เปิดรายงานสถานการณ์ไฟป่า-ฝุ่นพิษ ’67 พร้อมข้อเสนอถึงรัฐบาล ยก 4 องค์ประกอบจำเป็นแก้ไฟป่า อาสาสมัคร-เทคโนโลยี-งบประมาณเพียงพอทั่วถึง-มาตรการกฎหมายทันกาล “พิธา” ยินดีหากรัฐบาลนำไปใช้ แนะควรมีโรดแมปป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย


วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ที่ SOL Bar จ.เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล, เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center, ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ เขต 8, ฐากูร ยะแสง สส.เชียงราย เขต 3, อรพรรณ จันตาเรือง สส.เชียงใหม่ เขต 6 และ วิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก สส.ลำพูน เขต 1 ร่วมแถลง “เปิดรายงานก้าวไกล สถานการณ์ไฟป่า-ฝุ่นพิษ’67 และข้อเสนอต่อรัฐบาล” เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ดับไฟป่า แถลงผลการดำเนินงาน และข้อเสนอเชิงนโยบาย

พิธากล่าวว่า วันนี้เป็นการมาตามงาน แม้สถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นพิษจะดูเบาบางลง ฟ้าใสมากขึ้น แต่จะมีอะไรเป็นหลักประกันว่าปีหน้าจะไม่แย่กว่าปีนี้ พรรคก้าวไกลไม่ได้ทำงานเพียงเพราะปัญหานี้อยู่ในกระแสข่าว พอหมดกระแสก็เลิกทำ ที่ผ่านมาเราได้ตั้งคำถามกับรัฐบาลว่ารู้อยู่แล้วว่าปัญหาต้องเกิดขึ้น แล้วจะปล่อยให้ประชาชนทรมานไปทุกปีได้อย่างไร รัฐบาลควรมีโรดแมปเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ขณะเดียวกันฝ่ายค้านก็ต้องมีโรดแมปเพื่อเอาไว้เปรียบเทียบเช่นกัน และยินดีถ้ารัฐบาลนำข้อเสนอของเราไปใช้เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่วันนี้กลายเป็นทั้งปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาสาธารณสุข เราหวังว่าการแถลงวันนี้จะเป็นการติดกระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้อง


หลังจากนั้น เดชรัตเปิดรายงานสถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นพิษปี 2567 กล่าวว่า โดยรวมแล้วปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ในปีนี้ยังรุนแรงหลายพื้นที่ นอกจากกรุงเทพฯ และภาคเหนือตอนบน ยังลามไปภาคเหนือตอนล่าง ที่เริ่มได้รับผลกระทบยาวนานมากขึ้น และภาคอีสาน เช่น หนองคาย อุบลราชธานี โดยขณะนี้มีภาคเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบคือภาคใต้

สำหรับภาคเหนือ มีหลายจังหวัดที่สถานการณ์รุนแรงกว่า จ.เชียงใหม่ ซึ่งมักได้รับความสนใจจากรัฐและสื่อมวลชนอยู่แล้ว เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงราย ลำปาง ยกตัวอย่างพื้นที่สีม่วง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นพิษเกิน 4 เท่าของค่ามาตรฐานหรือ 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากข้อมูลตั้งแต่ 8 กุมภาพันธ์ถึง 30 เมษายน 2567 เช่น แม่ฮ่องสอน อ.เมือง มีวันที่เป็นสีม่วงถึง 14 วัน เชียงราย อ.แม่สาย 12 วัน อ.เชียงของ 8 วัน เป็นต้น

ความจริงแล้วตามเกณฑ์ของรัฐบาล ถ้าสีม่วงติดกัน 5 วันต้องประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ แต่ปีนี้แม้มีพื้นที่ที่เข้าข่ายแต่กลับไม่มีการประกาศแต่อย่างใด จึงสังเกตได้ว่าพื้นที่ที่มีความรุนแรงมักติดกับชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้แม้ในช่วงเวลาที่ฝั่งประเทศไทยแทบไม่มีจุดความร้อน แต่เชียงรายก็ยังเป็นสีม่วง ค่อนข้างชัดเจนว่าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้โดยทำเฉพาะภายในประเทศ จำเป็นต้องมี พ.ร.บ.ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดน ที่ก้าวไกลยื่นเข้าสภาฯ แล้ว ขณะนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการ


เดชรัตกล่าวต่อว่า สรุปปัญหาในปีนี้ยังหนักและกระจายหลายพื้นที่ บางพื้นที่ที่รัฐบาลดูแล ความรุนแรงอาจลดลง แต่ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ไม่ได้รับการดูแล จึงอยากให้มีการดูแลที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้พรรคก้าวไกลพบว่าเมื่อเทียบ 3 มาตรการที่ต่างกัน คือ (1) การห้ามเผา ถ้าดูแลได้ดีก็ให้ผลดี แต่ต้องระวังว่าจะทำให้จุดความร้อนเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนและหลังช่วงเวลาห้ามเผา (2) การชิงเผา มักถูกมองในแง่การจัดการเชื้อเพลิง แต่มีเรื่องที่ต้องระวังคือ บางช่วงการชิงเผาไปเกิดใกล้ช่วงที่มีฝุ่นเยอะ สุดท้ายจึงไม่ได้ลดปริมาณฝุ่น และบางครั้งอาจทำให้เกิดการลุกลาม รวมถึงถ้าทำบ่อยๆ อาจทำให้ความสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าไม้ลดลง (3) การทำแนวกันไฟ เรามองว่าคือแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะจะช่วยตีวงการเผาให้อยู่ในขอบเขตที่เล็ก ควบคุมได้ เดินทางเข้าไปง่าย แต่ปัญหาที่เราเจอในช่วงที่ผ่านมาคือมีการเริ่มต้นทำช้า ปีหน้าต้องทำให้เร็วขึ้น จำกัดวงของไฟให้เล็กที่สุด

นอกจากนี้ สส. ได้แบ่งปันประสบการณ์การทำงานในพื้นที่ เช่น วิทวิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับ จ.ลำพูน สถิติการเกิดจุดความร้อนอยู่ในพื้นที่เขตป่า 2,546 จุด นอกเขตป่า 274 จุด อุปกรณ์ที่จำเป็นมากเช่นโดรน วิทยุสื่อสาร เครื่องเป่าลม สำหรับพื้นที่ที่เกิดไฟป่าแบ่งเป็น 3 จุด คือไฟใต้ดิน ไฟผิวดิน และไฟเล็มยอด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีป่าไผ่และเถาวัลย์จำนวนมาก ทำให้เกิดไฟป่าที่มีความสูงและเป็นอันตราย ไม่สามารถที่จะเข้าดับไฟได้ ทั้งนี้ข้อสังเกตระหว่างการทำงาน คือเนินธรรมชาติเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้การทำแนวกันไฟมีประสิทธิภาพ

หลังจากนี้ จ.ลำพูน จะเดินหน้าทำงานต่อ แบ่งเป็น 7 ส่วนคือ (1) เลือกพื้นที่เป้าหมายและสำรวจเส้นทาง (2) ทำแคมเปญรับบริจาค (3) รับสมัครอาสาสมัคร (4) ทำแนวกันไฟอย่างมีประสิทธิภาพ (5) ส่งเสริมและให้ความรู้เรื่องการดูแลรักษาป่า (6) การจัดการเชื้อเพลิงด้วยวิธีอื่นๆ เป็นการใช้กลยุทธ์ย่อยสลายใบไม้ และ (7) ตั้งศูนย์อำนวยการเฝ้าระวังไฟป่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน

ด้านภัทรพงษ์กล่าวถึงความล่าช้าในการจัดการปัญหา PM 2.5 ทั้งในและนอกประเทศ ว่าปัญหาอย่างแรกคือการขาดแคลนงบประมาณ เช่นงบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 จัดออกมาไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหา นายกฯ บอกว่าจะใช้งบกลาง แต่จนถึงวันนี้ มีการจัดสรรน้อยมากและล่าช้า ทั้งที่ถ้ารัฐบาลเห็นปัญหาอยู่แล้ว งบกลางไม่จำเป็นต้องมารอในเดือนมีนาคม ควรทำได้เร็วกว่านั้น จึงสะท้อนว่ารัฐบาลไม่ได้เข้าใจปัญหานี้อย่างถ่องแท้

ปัญหาต่อมาคือการจัดซื้ออุปกรณ์ ที่มีการระบุไว้ชัดเจนว่าซื้ออะไรได้หรือไม่ได้ ที่ซื้อได้เช่นถุงมือดับไฟ ถังฉีดน้ำ หน้ากากป้องกันควัน แต่ห้ามจัดซื้อครุภัณฑ์ เช่น เครื่องเป่าลม ทั้งที่บางอุทยานมีแค่ 4 เครื่องแต่ต้องรับผิดชอบพื้นที่เป็นแสนไร่ แสดงให้เห็นว่ารัฐไม่เข้าใจสภาพปัญหาหน้างานและการทำงานของเจ้าหน้าที่ ให้เงินท้องถิ่นแต่กลับกำหนดกรอบทำให้ท้องถิ่นไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

ภัทรพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นพิษไม่มีพรมแดน พรรคก้าวไกลได้เสนอแนะมาตลอดเรื่องประกาศนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปลอดภาษี เราเสนอไว้ชัดเจนว่าประกาศต้องมีอะไรบ้าง เช่น แปลงปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผู้นำเข้าต้องระบุละติจูดลองจิจูดว่ามาจากที่ไหน เพื่อให้สามารถนำข้อมูลดาวเทียมมาตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีที่มาจากการเผาหรือไม่ และเรายังเสนอว่าสามารถห้ามนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ดังกล่าวได้ ทำได้ทันที ไม่ต้องกฎหมายอากาศสะอาด แต่ทุกอย่างกลับถูกรัฐบาลเพิกเฉยอย่างน่าผิดหวัง ดังนั้นปีนี้ เราหวังว่าจะได้เห็นความคืบหน้าในประกาศนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 68 หวังว่ารัฐบาลจะนำสิ่งที่พรรคก้าวไกลสะท้อนไปแก้ไข

ช่วงท้ายเดชรัตสรุปว่า บทเรียนที่พรรคก้าวไกลได้รับจากปี 2567 สิ่งที่จำเป็นในการแก้ไขปัญหาไฟป่าประกอบด้วย 4 อย่าง หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วทันการณ์ คือ (1) อาสาสมัคร เป็นหัวใจสำคัญที่สุด ต้องมีทักษะ ความรู้ ความชำนาญ และสวัสดิการ (2) อุปกรณ์เทคโนโลยี (3) งบประมาณต้องกระจายทั่วถึงทุกจุดที่มีปัญหาและมีความเพียงพอ และ (4) มาตรการและกฎหมายต้องออกมาอย่างทันการณ์

ส่วนสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้การรับมือไฟป่าฝุ่นพิษ PM2.5 ปี 2568 มีประสิทธิผลเพียงพอ ประกอบด้วย (1) Economy of Scale คือทำให้มากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ป่าสงวน ต้องมีแรงจูงใจที่เพิ่มขึ้นสำหรับเกษตรกรที่ไม่เผา (2) Economy of Scope ทำในทุกมิติและหารือทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง เช่น การดูแลฝุ่นพิษข้ามพรมแดน และ (3) Economy of Speed ทำให้รวดเร็วยิ่งขึ้น งบประมาณเร็วขึ้น กำหนดมาตรการเร็วขึ้น . – 312 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

ฝนถล่มกรุงอีก สูงสุด 107 มม. เขตพระนคร จับตาฝนอีกก้อน

กทม. 6 ก.ย. – ฝนถล่มกรุงเย็นนี้ ปริมาณฝนสูงสุดแตะ 107 มม. ที่เขตพระนคร จับตาฝนอีกก้อน หากไม่อ่อนกำลังจะเคลื่อนตัวเข้า กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ติดตามสถานการณ์ฝนกรุงเทพมหานคร โดยมีสำนักการระบายน้ำ ร่วมให้ข้อมูล ณ ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กทม.2 ดินแดง ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้ปริมาณฝนตกหนักไม่แพ้เมื่อวาน เนื่องจากร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านประเทศไทยเป็นตัวดึงเมฆฝนเข้ามา โดยในขณะนี้ (เวลา 17.10 น.) ฝนยังคงตกต่อเนื่องในพื้นที่ชั้นในบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังมีเมฆฝนอีกกลุ่มกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา คาดว่าหากไม่อ่อนกำลังจะเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ อีกระลอก จากการรายงานพบว่าปริมาณน้ำฝนสะสมสูงสุดในรอบ 6 ชั่วโมงอยู่ที่ 107 มิลลิเมตร ที่เขตพระนคร ตามมาด้วย 98.5 มิลลิเมตร ที่เขตวัฒนาและห้วยขวาง ซึ่งถือว่าเกินกว่าขีดความสามารถของระบบระบายน้ำของ กทม. ที่ออกแบบไว้ให้รองรับปริมาณฝนที่ 60 มิลลิเมตร รายงานสถานการณ์ล่าสุดยังพบน้ำท่วมขังในถนนสายหลักและสายรองหลายแห่ง ถนนสายหลัก […]

“อนุทิน” เผยโผ ครม. 100% แล้ว พร้อมเริ่มทำงานทันทีหลังถวายสัตย์ฯ

ภูมิใจไทย 6 ก.ย. – “อนุทิน” เผยโผ ครม. 100% แล้ว พร้อมเริ่มทำงานทันทีหลังถวายสัตย์ปฏิญาณตน ระบุยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ยืนยันจะเปิดเผยเมื่อถึงเวลาสมควร นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยความชัดเจนการจัดโผคณะรัฐมนตรี ว่าหลายๆ อย่างเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ยืนยันว่าความชัดเจนในการจัดสรรนิ่ง 100% แล้ว ทุกคนที่มาทำหน้าที่ในคณะรัฐมนตรีทราบดีถึงเงื่อนไขและข้อจำกัดต่างๆ โดยจะต้องเริ่มทำงานทันทีหลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ส่วนความชัดเจนในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ยังปฏิเสธที่จะเปิดเผย ระบุว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ยืนยันว่าไม่มีการปิดบังซ่อนเร้น เมื่อถึงเวลาสมควร ไม่เป็นการก้าวล่วงใดๆ ก็จะรีบเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบ เพราะรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชนคนไทยทุกคน จะไม่ดำเนินการใดๆ ลับหลังประชาชน และจะให้ได้รับทราบร่วมกัน เพื่อออกความเห็นให้รัฐบาลได้รับฟัง และรัฐบาลจะได้ปฏิบัติตาม นายอนุทิน ยังยืนยันว่ารัฐมนตรีทุกคน จะต้องมีคุณสมบัติไม่ขัดต่อกฎหมายและข้อจำกัด จะต้องทุ่มเททำงานด้วยความรู้ความสามารถ เป็นมืออาชีพ ซึ่งมีทั้งทหาร พลเรือน อส. นายกองใหญ่.-314-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” โชว์ตัวว่าที่ รมต.ทีมเศรษฐกิจ ล้อมวงกินเค้กส้ม

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “อนุทิน” โชว์ตัว ว่าที่ 3 รมต.ทีมเศรษฐกิจป้ายแดง ล้อมวงกินเค้กส้ม “เอกนิติ” นั่งขุนคลัง เตรียมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ปล่อยฟื้นคนละครึ่งกระแสเต็มฟีด ขณะ “สีหศักดิ์” เตรียมนั่ง รมว.กต. มั่นใจชื่อนี้นานาชาติยอมรับ รับเผือกร้อนแก้ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะ “อรรถพล” อดีต CEO ปตท. นั่ง รมว.พลังงาน ทำงานได้เลยไม่ต้องรำมวย ยอมรับเก้าอี้กลาโหม ต้องมีความรู้ในวิชาชีพ ปัดตอบชิงดำ “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส” นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีต ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดื่มกาแฟร่วมกันที่ร้านจานิสตาร์ ชั้น 1 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ภายหลังหารือร่วมกันที่บริเวณชั้นบน ทั้งนี้ คาดว่านายสีหศักดิ์ ถูกทาบทาม […]

รัฐมนตรีส่ง จนท.ทยอยขนของออกจากทำเนียบ

ทำเนียบ 6 ก.ย. – รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดเดิม ส่งเจ้าหน้าที่ทยอยขนของออกจากทำเนียบรัฐบาล​ หลัง​สภาฯ โหวตเลือก “อนุทิน​” นั่งนายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เริ่มมีการทยอยขนของออกจากทำเนียบรัฐบาล หลังสภาฯ มีมติโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ บรรดารัฐมนตรีและทีมงานของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ส่งทีมงานทยอยเก็บของ ก่อนเวลาประมาณ​ 10.00 น.​ พบรถบรรทุก​ 6 ล้อ​ คลุมผ้าใบทึบ ออกจากบริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า​ รวมไปถึงมีเจ้าหน้าที่มาล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำยาเครื่องปรับอากาศใหม่ ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า และตึกบัญชาการ 1 และมีการขนภาพวาดติดฝาผนังออกจากห้องทำงานของนางสาวหทัย ทิวไผ่งาม​ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ แม้ว่าจะเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์​ มีการแจ้งเตรียมขนของของรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดเดิมออก ทั้งวันเสาร์และอาทิตย์.-314-สำนักข่าวไทย