“ก้าวไกล” เปิดรายงานสถานการณ์ไฟป่า-ฝุ่นพิษ ’67 พร้อมข้อเสนอถึงรัฐบาล

เชียงใหม่ 10 พ.ค. – “ก้าวไกล” เปิดรายงานสถานการณ์ไฟป่า-ฝุ่นพิษ ’67 พร้อมข้อเสนอถึงรัฐบาล ยก 4 องค์ประกอบจำเป็นแก้ไฟป่า อาสาสมัคร-เทคโนโลยี-งบประมาณเพียงพอทั่วถึง-มาตรการกฎหมายทันกาล “พิธา” ยินดีหากรัฐบาลนำไปใช้ แนะควรมีโรดแมปป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย


วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ที่ SOL Bar จ.เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล, เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center, ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ เขต 8, ฐากูร ยะแสง สส.เชียงราย เขต 3, อรพรรณ จันตาเรือง สส.เชียงใหม่ เขต 6 และ วิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก สส.ลำพูน เขต 1 ร่วมแถลง “เปิดรายงานก้าวไกล สถานการณ์ไฟป่า-ฝุ่นพิษ’67 และข้อเสนอต่อรัฐบาล” เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ดับไฟป่า แถลงผลการดำเนินงาน และข้อเสนอเชิงนโยบาย

พิธากล่าวว่า วันนี้เป็นการมาตามงาน แม้สถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นพิษจะดูเบาบางลง ฟ้าใสมากขึ้น แต่จะมีอะไรเป็นหลักประกันว่าปีหน้าจะไม่แย่กว่าปีนี้ พรรคก้าวไกลไม่ได้ทำงานเพียงเพราะปัญหานี้อยู่ในกระแสข่าว พอหมดกระแสก็เลิกทำ ที่ผ่านมาเราได้ตั้งคำถามกับรัฐบาลว่ารู้อยู่แล้วว่าปัญหาต้องเกิดขึ้น แล้วจะปล่อยให้ประชาชนทรมานไปทุกปีได้อย่างไร รัฐบาลควรมีโรดแมปเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ขณะเดียวกันฝ่ายค้านก็ต้องมีโรดแมปเพื่อเอาไว้เปรียบเทียบเช่นกัน และยินดีถ้ารัฐบาลนำข้อเสนอของเราไปใช้เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่วันนี้กลายเป็นทั้งปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาสาธารณสุข เราหวังว่าการแถลงวันนี้จะเป็นการติดกระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้อง


หลังจากนั้น เดชรัตเปิดรายงานสถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นพิษปี 2567 กล่าวว่า โดยรวมแล้วปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ในปีนี้ยังรุนแรงหลายพื้นที่ นอกจากกรุงเทพฯ และภาคเหนือตอนบน ยังลามไปภาคเหนือตอนล่าง ที่เริ่มได้รับผลกระทบยาวนานมากขึ้น และภาคอีสาน เช่น หนองคาย อุบลราชธานี โดยขณะนี้มีภาคเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบคือภาคใต้

สำหรับภาคเหนือ มีหลายจังหวัดที่สถานการณ์รุนแรงกว่า จ.เชียงใหม่ ซึ่งมักได้รับความสนใจจากรัฐและสื่อมวลชนอยู่แล้ว เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงราย ลำปาง ยกตัวอย่างพื้นที่สีม่วง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นพิษเกิน 4 เท่าของค่ามาตรฐานหรือ 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากข้อมูลตั้งแต่ 8 กุมภาพันธ์ถึง 30 เมษายน 2567 เช่น แม่ฮ่องสอน อ.เมือง มีวันที่เป็นสีม่วงถึง 14 วัน เชียงราย อ.แม่สาย 12 วัน อ.เชียงของ 8 วัน เป็นต้น

ความจริงแล้วตามเกณฑ์ของรัฐบาล ถ้าสีม่วงติดกัน 5 วันต้องประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ แต่ปีนี้แม้มีพื้นที่ที่เข้าข่ายแต่กลับไม่มีการประกาศแต่อย่างใด จึงสังเกตได้ว่าพื้นที่ที่มีความรุนแรงมักติดกับชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้แม้ในช่วงเวลาที่ฝั่งประเทศไทยแทบไม่มีจุดความร้อน แต่เชียงรายก็ยังเป็นสีม่วง ค่อนข้างชัดเจนว่าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้โดยทำเฉพาะภายในประเทศ จำเป็นต้องมี พ.ร.บ.ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดน ที่ก้าวไกลยื่นเข้าสภาฯ แล้ว ขณะนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการ


เดชรัตกล่าวต่อว่า สรุปปัญหาในปีนี้ยังหนักและกระจายหลายพื้นที่ บางพื้นที่ที่รัฐบาลดูแล ความรุนแรงอาจลดลง แต่ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ไม่ได้รับการดูแล จึงอยากให้มีการดูแลที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้พรรคก้าวไกลพบว่าเมื่อเทียบ 3 มาตรการที่ต่างกัน คือ (1) การห้ามเผา ถ้าดูแลได้ดีก็ให้ผลดี แต่ต้องระวังว่าจะทำให้จุดความร้อนเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนและหลังช่วงเวลาห้ามเผา (2) การชิงเผา มักถูกมองในแง่การจัดการเชื้อเพลิง แต่มีเรื่องที่ต้องระวังคือ บางช่วงการชิงเผาไปเกิดใกล้ช่วงที่มีฝุ่นเยอะ สุดท้ายจึงไม่ได้ลดปริมาณฝุ่น และบางครั้งอาจทำให้เกิดการลุกลาม รวมถึงถ้าทำบ่อยๆ อาจทำให้ความสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าไม้ลดลง (3) การทำแนวกันไฟ เรามองว่าคือแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะจะช่วยตีวงการเผาให้อยู่ในขอบเขตที่เล็ก ควบคุมได้ เดินทางเข้าไปง่าย แต่ปัญหาที่เราเจอในช่วงที่ผ่านมาคือมีการเริ่มต้นทำช้า ปีหน้าต้องทำให้เร็วขึ้น จำกัดวงของไฟให้เล็กที่สุด

นอกจากนี้ สส. ได้แบ่งปันประสบการณ์การทำงานในพื้นที่ เช่น วิทวิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับ จ.ลำพูน สถิติการเกิดจุดความร้อนอยู่ในพื้นที่เขตป่า 2,546 จุด นอกเขตป่า 274 จุด อุปกรณ์ที่จำเป็นมากเช่นโดรน วิทยุสื่อสาร เครื่องเป่าลม สำหรับพื้นที่ที่เกิดไฟป่าแบ่งเป็น 3 จุด คือไฟใต้ดิน ไฟผิวดิน และไฟเล็มยอด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีป่าไผ่และเถาวัลย์จำนวนมาก ทำให้เกิดไฟป่าที่มีความสูงและเป็นอันตราย ไม่สามารถที่จะเข้าดับไฟได้ ทั้งนี้ข้อสังเกตระหว่างการทำงาน คือเนินธรรมชาติเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้การทำแนวกันไฟมีประสิทธิภาพ

หลังจากนี้ จ.ลำพูน จะเดินหน้าทำงานต่อ แบ่งเป็น 7 ส่วนคือ (1) เลือกพื้นที่เป้าหมายและสำรวจเส้นทาง (2) ทำแคมเปญรับบริจาค (3) รับสมัครอาสาสมัคร (4) ทำแนวกันไฟอย่างมีประสิทธิภาพ (5) ส่งเสริมและให้ความรู้เรื่องการดูแลรักษาป่า (6) การจัดการเชื้อเพลิงด้วยวิธีอื่นๆ เป็นการใช้กลยุทธ์ย่อยสลายใบไม้ และ (7) ตั้งศูนย์อำนวยการเฝ้าระวังไฟป่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน

ด้านภัทรพงษ์กล่าวถึงความล่าช้าในการจัดการปัญหา PM 2.5 ทั้งในและนอกประเทศ ว่าปัญหาอย่างแรกคือการขาดแคลนงบประมาณ เช่นงบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 จัดออกมาไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหา นายกฯ บอกว่าจะใช้งบกลาง แต่จนถึงวันนี้ มีการจัดสรรน้อยมากและล่าช้า ทั้งที่ถ้ารัฐบาลเห็นปัญหาอยู่แล้ว งบกลางไม่จำเป็นต้องมารอในเดือนมีนาคม ควรทำได้เร็วกว่านั้น จึงสะท้อนว่ารัฐบาลไม่ได้เข้าใจปัญหานี้อย่างถ่องแท้

ปัญหาต่อมาคือการจัดซื้ออุปกรณ์ ที่มีการระบุไว้ชัดเจนว่าซื้ออะไรได้หรือไม่ได้ ที่ซื้อได้เช่นถุงมือดับไฟ ถังฉีดน้ำ หน้ากากป้องกันควัน แต่ห้ามจัดซื้อครุภัณฑ์ เช่น เครื่องเป่าลม ทั้งที่บางอุทยานมีแค่ 4 เครื่องแต่ต้องรับผิดชอบพื้นที่เป็นแสนไร่ แสดงให้เห็นว่ารัฐไม่เข้าใจสภาพปัญหาหน้างานและการทำงานของเจ้าหน้าที่ ให้เงินท้องถิ่นแต่กลับกำหนดกรอบทำให้ท้องถิ่นไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

ภัทรพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นพิษไม่มีพรมแดน พรรคก้าวไกลได้เสนอแนะมาตลอดเรื่องประกาศนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปลอดภาษี เราเสนอไว้ชัดเจนว่าประกาศต้องมีอะไรบ้าง เช่น แปลงปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผู้นำเข้าต้องระบุละติจูดลองจิจูดว่ามาจากที่ไหน เพื่อให้สามารถนำข้อมูลดาวเทียมมาตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีที่มาจากการเผาหรือไม่ และเรายังเสนอว่าสามารถห้ามนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ดังกล่าวได้ ทำได้ทันที ไม่ต้องกฎหมายอากาศสะอาด แต่ทุกอย่างกลับถูกรัฐบาลเพิกเฉยอย่างน่าผิดหวัง ดังนั้นปีนี้ เราหวังว่าจะได้เห็นความคืบหน้าในประกาศนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 68 หวังว่ารัฐบาลจะนำสิ่งที่พรรคก้าวไกลสะท้อนไปแก้ไข

ช่วงท้ายเดชรัตสรุปว่า บทเรียนที่พรรคก้าวไกลได้รับจากปี 2567 สิ่งที่จำเป็นในการแก้ไขปัญหาไฟป่าประกอบด้วย 4 อย่าง หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วทันการณ์ คือ (1) อาสาสมัคร เป็นหัวใจสำคัญที่สุด ต้องมีทักษะ ความรู้ ความชำนาญ และสวัสดิการ (2) อุปกรณ์เทคโนโลยี (3) งบประมาณต้องกระจายทั่วถึงทุกจุดที่มีปัญหาและมีความเพียงพอ และ (4) มาตรการและกฎหมายต้องออกมาอย่างทันการณ์

ส่วนสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้การรับมือไฟป่าฝุ่นพิษ PM2.5 ปี 2568 มีประสิทธิผลเพียงพอ ประกอบด้วย (1) Economy of Scale คือทำให้มากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ป่าสงวน ต้องมีแรงจูงใจที่เพิ่มขึ้นสำหรับเกษตรกรที่ไม่เผา (2) Economy of Scope ทำในทุกมิติและหารือทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง เช่น การดูแลฝุ่นพิษข้ามพรมแดน และ (3) Economy of Speed ทำให้รวดเร็วยิ่งขึ้น งบประมาณเร็วขึ้น กำหนดมาตรการเร็วขึ้น . – 312 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปลัด ศธ. แจง “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง

กทม. 21 ก.ค.-ปลัด ศธ. แจงภารกิจแรก “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง กำชับ “ครู-นักเรียน” วันหยุดใส่ไปรเวทได้ ไม่ต้องแต่งชุดเต็มยศมารอต้อนรับ ขอลงพื้นที่ไม่ให้ใครลำบาก จากกรณี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการแต่งกายใส่กางเกงยีนส์ขาด รองเท้าผ้าใบ พบปะบุคลากรการศึกษา ครูและนักเรียน ที่มารอต้อนรับ เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล การแต่งกายไม่เหมาะสมกับบทบาทของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการแต่งกายของข้าราชการโดยทั่วไป นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การแต่งกายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกตั้งแต่ ศ.ดร.นฤมล มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ยังไม่ได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจในเรื่องการแต่งกายของคณะครูและนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมในวันหยุดราชการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาด้วยชุดสุภาพ เพราะเห็นว่ามีผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามาร่วมลงพื้นที่ด้วย ศ.ดร.นฤมล ได้กำชับมาว่าการลงพื้นที่ในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ถือว่าไม่ได้เป็นวันทำงานปกติ […]

สึกแล้ว! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

20 ก.ค.- สึกกลางดึก! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้วที่วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เวลา 23.49 น.” ขณะที่ก่อนหน้านี้ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ได้แจ้งว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ” ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวรรค์และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ -สำนักข่าวไทย

Astronomer CEO caught by kiss cam in Coldplay concert

CEO ลาออกหลังถูกแฉกลางคอนเสิร์ต Coldplay

ซินซินแนติ 20 ก.ค. – บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐแจ้งเรื่องซีอีโอลาออกแล้ว หลังจากช่วงเวลาขณะกอดกับผู้บริหารของบริษัทที่ไม่ใช่ภรรยาถูกจับภาพไปปรากฏบนจอภาพกลางคอนเสิร์ตวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) และกลายเป็นคลิปไวรัลทั่วโลก แอสโตรโนเมอร์ (Astronomer) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการข้อมูลองค์กรเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเอ็กซ์ ( X) ว่า บริษัทยึดมั่นในคุณค่าและวัฒนธรรมที่นำทางองค์กรมาตั้งแต่ก่อตั้ง ผู้นำบริษัทถูกคาดหวังว่าจะต้องสร้างมาตรฐานด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นายแอนดี บายรอน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ลาออกแล้ว แถลงการณ์ให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การให้บริการแก้ปัญหาข้อมูลและเอไอ (AI) ให้แก่ลูกค้าต่อไป เรื่องราวอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตวง Coldplay ที่สนามยิลเลตต์สเตเดียม ในเมืองฟอกซ์โบโร รัฐแมสซาชูเสตต์เมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อกล้องคิสแคม (kiss cam) ของคอนเสิร์ตจับภาพเจอชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันในโซนวีไอพี ซึ่งชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่เป็นนายบายรอน ซีอีโอของแอสโตรโนเมอร์ และคริสติน คาบอต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลหรือเอชอาร์ (HR) ของบริษัท เมื่อรู้ตัวว่าภาพถูกฉายขึ้นจอ ฝ่ายหญิงรีบเอามือปิดหน้าและหันหลังให้กล้อง ส่วนฝ่ายชายรีบนั่งลงให้พ้นจากมุมกล้อง ในจังหวะเดียวกันนั้น คริส มาร์ติน นักร้องนำของวง Coldplay ได้พูดแซวว่า […]

Hong Kong braves heavy rain and strong winds as typhoon Wipha approaches

ฮ่องกงเตือนภัย “ไต้ฝุ่นวิภา” ระดับสูงสุด

ฮ่องกง 20 ก.ค.- ฮ่องกงประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ที่มีความเร็วลมมากกว่า 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงทั่วฮ่องกง และทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว สถานีอุตนิยมวิทยาของฮ่องกงยกระดับเตือนภัยพายุ จากหมายเลข 9 ที่ประกาศเมื่อเวลา 07.20 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เป็นหมายเลข 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อเวลา 09.20 น. และคาดว่าจะคงระดับเตือนภัยสูงสุดไปอีกระยะหนึ่ง สถานีอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นซึ่งมีกำลังลมแรงเท่ากับเฮอริเคนจะเคลื่อนตัวเฉียดสถานีฯ โดยห่างลงไปทางใต้ราว 50 กิโลเมตร และส่งผลกระทบกับพื้นที่ทางใต้ของฮ่องกง สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกงได้ยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมดตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น.วันนี้ ขณะที่บริการขนส่งมวลชนส่วนใหญ่ในฮ่องกง รวมถึงบริการเรือโดยสารข้ามฟากถูกระงับเพื่อความปลอดภัย.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเต่า” เผยพบเส้นเงินพระลูกวัดนครสวรรค์-ฆราวาส โยงสีกาเป็นเหตุให้สึก

บก.ปปป. 21 ก.ค. – รอง ผบช.ก. เผยพบเส้นเงินพระลูกวัดนครสวรรค์-ฆราวาส โยงสีกา 2 ราย เป็นเหตุให้สึก ส่วนการทุจริตก่อสร้างพุทธอุทยาน และ มจร. อยู่ระหว่างตรวจสอบให้ชัด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบข้อมูลการร้องเรียน “ทิดสฤษดิ์” หรือ อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมว่า หลังเกิดกรณีของ “กอล์ฟ” ได้ตรวจสอบเอาผิดพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมถึงชั้นเทพ ส่วนกรณีวัดที่จังหวัดนครสวรรค์ มีสมณศักดิ์สูงกว่าคือชั้นธรรม ซึ่งเรื่องอาญาในการทุจริต โดยมีข้อมูลเชื่อมโยงกันเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี วันนี้จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบที่จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดพิจิตร เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน แม้พระจะสึกไปแล้วยังต้องได้รับการตรวจสอบจากตำรวจด้วยว่าจะเข้าข้อหาอาญาทุจริตหรือไม่ จากการตรวจสอบมีเส้นเงินที่ตรวจสอบพบเกี่ยวกับกอล์ฟ หลายเส้นเงิน ทาง ผบช.ก. จึงสั่งให้ตรวจสอบทุกวัด ทุกรูป แม้จะตรวจสอบไม่พบจากคลิปวิดีโอหรือแชตไลน์ ก็ให้ทำการตรวจสอบคู่ขนานกันไปด้วย ส่วนกรณีการตรวจสอบก่อสร้างของพุทธอุทยาน และโครงการในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครสวรรค์ หรือ มจร.นครสวรรค์ ที่สร้างมานานแล้วยังไม่แล้วเสร็จนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า […]

เตือนทั่วไทยรับมืออิทธิพลพายุวิภา ฝนตกหนักหลายพื้นที่

21 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมืออิทธิพลพายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” คาดขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบนเช้าพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) ส่งผลไทยตอนบนฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ น.ส.สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ พายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองจ้านเจียง มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าชายฝั่งเวียดนามเช้าวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) จากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณลุ่มน้ำโขงตอนบนของลาวและเวียดนาม ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักต่อเนื่อง และเสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมแรงหลายพื้นที่ 60 จังหวัดทั่วประเทศ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง โดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูง 2–4 เมตร อาจเกิน 4 เมตรในบางพื้นที่ เรือเล็กงดออกจากฝั่งเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 21–25 กรกฎาคมนี้ พร้อมยังจัดตั้งศูนย์ติดตามพิเศษ หรือ War Room ตั้งแต่วันนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์แบบเรียลไทม์ และสื่อสารเตือนภัยต่อเนื่อง ตลอด […]

พบอีก 2 ทุ่นระเบิดสภาพใหม่ ในพื้นที่ช่องบก

กองทัพบก 21 ก.ค.-ทบ. เผยพบทุ่นระเบิดสภาพใหม่เพิ่มเติม จำนวน 2 ทุ่น ในพื้นที่ช่องบก ใกล้กับจุดเกิดเหตุเดิม ชี้ชัดขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ด้านกรมข่าวทหารบก เตรียมเชิญผู้ช่วยทูตทหารมารับทราบข้อเท็จจริง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68 ล่าสุดวานนี้ (20 ก.ค.68) กองกำลังสุรนารี และหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยผลจากการตรวจพื้นที่พบการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN2 ในสภาพใหม่พร้อมทำงาน จำนวน 2 ทุ่น ห่างจากหลุมระเบิดเดิม 30 เซนติเมตร โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ได้ทำการรื้อถอนทุ่นระเบิดที่ตรวจพบใหม่ออกแล้วทั้ง 2 ทุ่น การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และแสดงถึงเจตนาในการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารไทย ทั้งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล […]

“พล.อ.ณัฐพล” ลั่นกัมพูชาบอกไม่รู้ไม่ได้ หลังคนเขมรป่วนปราสาทตาเมือนธม

ทำเนียบ 21 ก.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” ลั่นกัมพูชาบอกไม่รู้ไม่ได้ หลังคนกัมพูชาป่วนปราสาทตาเมือนธมหลักพันคนวานนี้ ขอคนไทยเข้าใจ หากอ่อนหรือแข็งไป จะหาที่ลงไม่ได้ ทำ 7 จังหวัดชายแดนเดือดร้อน เผยมีมาตรการรับมือป่วนซ้ำ แต่ไม่ขอแจงรายละเอียด พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ศบ.ทก. ถึงกรณีกัมพูชาขนมวลชนมาป่วนที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่า รัฐบาลกัมพูชาจะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะมาเป็นหลักพันคน แต่ถ้าไม่รู้ก็ต้องแก้ไขทำความเข้าใจกับประชาชนไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนกัมพูชามาทำแบบเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยดูอยู่ทั้งหมด เราไม่อยากให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเครียด อยากจะบอกกับสื่อมวลชนว่าขณะนี้ประชาชนตามแนวชายแดน 7 จังหวัด เดือดร้อนมาก “เขากดดันผมว่า เมื่อไหร่จะจบเสียทีผมอยู่ตรงนี้ผมต้องรักษาบรรยากาศจะต้องไม่อ่อนแอหรือเข้มแข็งเกินไป จนหาที่ลงไม่ได้ ผมจะโดนทั้ง 2 ทาง ขณะนี้ พี่น้องอีก 70 จังหวัดก็จะมาด่าว่า ทำไมดูไม่เข้มแข็งเด็ดขาด เหมือนหมานำราชสีห์ แต่ไม่เคยสนใจ พี่น้อง 7 จังหวัดชายแดน ว่าเขาเดือดร้อนอย่างไร แต่ผมไม่อยากให้ ไปทำข่าวว่าพี่น้อง 7 จังหวัดชายแดนเดือดร้อนอย่างไร เพราะไม่อยากให้กัมพูชาทราบว่าของเราก็แย่อยู่ […]