ห่วงจุดความร้อน-หมอกควันข้ามแดน กระทบคุณภาพอากาศช่วงสงกรานต์

กรุงเทพฯ 14 เม.ย.- “พัชรวาท” สั่งปลัด ทส. ติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ภาคเหนือในช่วงสงกรานต์ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน ย้ำกรมควบคุมมลพิษหาสาเหตุของจุดความร้อน พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์หมอกควันข้ามแดน


พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และการดำเนินงานแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) โดย พล.ต.อ. พัชราวาทห่วงใยคุณภาพอากาศภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ทั้งนี้ สั่งการให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเดินทางไปภาคเหนือเพื่อติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในช่วงสงกรานต์ โดยวันนี้ได้ประชุมผ่าน ZOOM ร่วมกับนายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่


นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองในวันนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่าดีขึ้น จำนวนจุดความร้อนและพื้นที่เผาไหม้ลดลง แต่มีข้อกังวลเรื่องหมอกควันข้ามแดน โดยทั้ง 2 จังหวัดได้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเข้มข้น โดยยกระดับการปฏิบัติการในระดับที่ 2 ตามมาตรการฉุกเฉิน ที่คณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืนเห็นชอบ ได้แก่ การประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย อัคคีภัย ไฟป่า การบูรณาการอากาศยาน งบประมาณ บุคลากร จากกระทรวง จังหวัด ท้องถิ่น ในการป้องกันไฟป่า ประกาศ Work from Home เข้มงวดตรวจวัดควันดำ ตรวจเข้มโรงงานอุตสาหกรรม จัดทีมแพทย์ดูแลกลุ่มเปราะบางและกลุ่มเสี่ยง แจกจ่ายหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งจัดทำห้องปลอดฝุ่นและพื้นที่ Safe Zone

แต่การคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในระยะ 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 15 – 21 เมษายน 2567 พบว่า 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นวันที่ 15 -18 เมษายน 2567 และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นวันที่ 15 – 21 เมษายน 2567 และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่ ส่วนพื้นที่ กทม. และปริมณฑล มีแนวโน้มลดลงวันที่ 15 -18 เมษายน 2567 และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่ ขณะที่ภาคตะวันออกดีอย่างต่อเนื่อง

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า แม้จำนวนจุดความร้อนใน 17 จังหวัดภาคเหนือลดลง แต่ยังไม่บรรลุตามเป้าหมาย จึงขอให้จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของจุดความร้อนที่ยังคงมีอยู่และเร่งแก้ไขปัญหา ตลอดจนขอให้ทุกหน่วยงานภายใต้การกำกับของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งสองจังหวัด ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเต็มกำลังต่อไป และได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่


ส่วนปัญหาหมอกควันข้ามแดนนั้น ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้หารือกับผู้แทนประเทศกัมพูชา เพื่อประสานความร่วมมือแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายนของทุกปี โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องการประสานงานกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน ด้วยตระหนักถึงการดูแลและลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งสองประเทศ

ในการหารือได้ตกลงที่จะประสานงานผ่าน Hotline ระหว่างสองประเทศ เป็น 2 ระดับได้แก่ ระดับกระทรวงและระดับกรม รวมถึงการเข้าร่วมแผนปฏิบัติการร่วมภายใต้ยุทธศาสตร์ฟ้าใสของกัมพูชา และการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมด้านอื่นเพิ่มเติมระหว่างไทย – กัมพูชา นอกจากนี้ยังกำหนดการจัดฝึกอบรมเรื่องการจัดการคุณภาพอากาศให้แก่เจ้าหน้าที่กัมพูชาในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ประเทศไทย โดยจะจัดการประชุมคณะทำงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนระหว่างไทย-กัมพูชาในคราวเดียวกัน

สำหรับความร่วมมือกับกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในการลดจุดความร้อนและหมอกควันข้ามแดนนั้น เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษได้เป็นประธานการประชุมโครงการความร่วมมือเพื่อลดจุดความร้อนและหมอกควันข้ามแดน ระหว่างไทย-ลาว (Kick off Workshop Thai-Lao PDR Cooperation: Hotspot and Transboundary Haze Pollution Reduction) ณ นครหลวงเวียงจันทน์

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ส่งคณะผู้เชี่ยวชาญจากกรมควบคุมมลพิษ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง มาถ่ายทอดองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ให้แก่หน่วยงานภาครัฐจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ กระทรวงต่างประเทศ รวมทั้งเจ้าเมืองและเจ้าหน้าที่เมืองห้วยทราย ต้นผึ้ง และปากทา แขวงบ่อแก้ว และไชยบุรี สปป ลาว จำนวนมากกว่า 70 คน ในการจัดทำมาตรการและนโยบายการแก้ไขปัญหาแบบกำหนดเป้าหมาย มุ่งเป้าให้เกิดผลในพื้นที่ที่มีการเผาไหม้ซ้ำซากทั้งในพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตร และมลพิษอากาศที่เกิดจากกิจกรรมในพื้นที่เมือง รวมถึงการเน้นเรื่องการสื่อสารสาธารณะ ที่ต้องทันสมัย ต่อเนื่อง รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยหวังให้ความร่วมมือระหว่างกัน จะเป็นการป้องกันสาเหตุการเผาในที่โล่งจากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรจากต้นน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดหมอกควันข้ามแดน และลดปัญหาฝุ่นละอองทั้งในประเทศไทยและ สปป ลาว อย่างยั่งยืน

ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนในช่วงบ่ายวันนี้ สูงถึง 161 สหรัฐ AQI สารมลพิษหลักคือ ฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีความเข้มข้น 14.9 เท่าของค่าแนวทางคุณภาพอากาศประจำปีขององค์การอนามัยโลก

ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ในจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงบ่ายวันนี้ สูงถึง 158 สหรัฐ AQI สารมลพิษหลักคือ ฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีความเข้มข้น 13.7 เท่าของค่าแนวทางคุณภาพอากาศประจำปีขององค์การอนามัยโลก

เว็บไซต์ iqair.com จัดอันดับเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุด โดยในเวลา 14.47 น. วันนี้ จังหวัดเชียงใหม่เป็นอันดับ 3 ของเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุด รองจากอันดับ 1 เมืองเดลีของอินเดียและอันดับ 2 เมืองธากาของบังกลาเทศ.- 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]

“ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC บอกทิศทางดี

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC ไทย-กัมพูชา ขอพูดทีเดียวหลังเจรจา บอกทิศทางดี ด้าน “บิ๊กเล็ก” หวังพรุ่งนี้มีข่าวดี มั่นใจ 90% ยอมรับกังวลบ้าง แต่มีผู้สังเกตการณ์ประเทศอื่น เขมรคงไม่กล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายเลขานุการ รายงานผลการหารือ ในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม จากการพูดคุยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี โดยจะแถลงรายละเอียดเมื่อมีการหารือเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) ซึ่งการเจรจาในวันพรุ่งนี้ได้ให้แนวทาง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบได้ ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประขุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า มีความมั่นใจ […]