กทม. 9 มี.ค.- ตำรวจ สน.ทองหล่อ พบรถจักรยานยนต์ สีเหลืองของคนร้ายก่อเหตุชิงทอง216 บาท จากห้างทอง ในห้างสรรพสินค้าย่านพระราม 4 จอดทิ้งไว้ที่ลานจอดรถ ห้างฯอีกแห่ง ย่านเอกมัย และอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ครอบครองมาสอบปากคำ
คืบหน้าการติดตามตัวคนร้ายแต่งกายเป็นผู้หญิง ก่อเหตุใช้ปืนจี้ชิงทองคำ น้ำหนัก 216 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท จากร้านทองชื่อดัง ในห้างสรรพสินค้า ย่านพระราม 4 หลบหนี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา ล่าสุดตำรวจชุดสืบสวน พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟิลาโน่ สีเหลือง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จอดทิ้งอยู่ที่ลานจอดรถ ของ ห้างสรรพสินค้าเกตเวย์ ซอยสุขุมวิท 42 ก่อนเปลี่ยนรถหลบหนี ซึ่งได้ประสานให้ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบ และเก็บพยานหลักฐาน เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามคนร้าย ก่อนนำรถจักรยานยนต์มาเก็บไว้ที่ สน.ทองหล่อ
ด้าน พันตำรวจเอก นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. ร่วมประชุม กับ พันตำรวจโท สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ รรท.ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 1 อดีตรองผู้กำกับการสืบสวน สน.ทองหล่อ โดย พันตำรวจโทสิทธิศักดิ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไป 70% ชุดสืบสวนได้รวบรวมกล้องวงจรปิดกว่า 100 ตัว ตามเส้นทางทั้งก่อนและหลังที่คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี รวมถึงกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าที่บันทึกภาพคนร้ายขณะก่อเหตุได้ แต่งเป็นภาพระยะไกล ส่วนภาพคนร้ายหน้าตรง คาดว่า กล้องวงจรปิดของร้านทองที่เกิดเหตุ จะบันทึกภาพไว้ได้ และรอให้ สำนักงานใหญ่ของร้านทองส่งมาให้ตำรวจเพื่อใช้เป็นหลักฐานไปขออนุมัติศาลออกหมายจับ นอกจากนี้ ยังนำคดีที่มีแผนประทุษกรรมคล้ายคลึง คนร้ายมีการแต่งกายอำพรางใบหน้า ปลอมตัวเป็นผู้หญิง ที่เกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ ทั้ง ลาดพร้าว บางบัวทอง กันมาเทียบเคียง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ส่วนสาเหตุที่คาดว่า ทำให้คนร้ายเลือกก่อเหตุที่ร้านทองดังกล่าว เนื่องจาก มีแต่พนักงานผู้หญิง ไม่มีลูกกรงกั้น มาตรการการรักษาความปลอดภัย ไม่เข้มงวด
พลตำรวจตรี มงคล วรุณโณ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล5 ระบุ ได้สั่งการ ให้ สน.ทองหล่อ เร่งรัดดำเนินการตรวจสอบ กล้องวงจรปิด ย้อนเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย ทั้งที่ ห้างเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง พร้อมทั้งตรวจสอบแผนประทุษกรรม คดีในลักษณะดังกล่าว ที่เกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ และเร่งรวบรวมหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะภาพหน้าคนร้าย เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคล และเป็นหลักฐานในการขออนุมัติศาลออกหมายจับคนร้าย และขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบชื่อเจ้าของรถจักรยานยนต์ คันก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบสวน แต่เชื่อว่าอาจไม่ใช่ ผู้ก่อเหตุ –สำนักข่าวไทย