วสท.ร่วมตรวจเหตุอาคารไฟไหม้ย่านเยาวราช

เยาวราช 25 ก.พ.-วสท.ร่วมตรวจสอบอาคารไฟไหม้ย่านเยาวราช พบคานบิด ผิดรูป แต่เสายังแข็งแรง สั่งงดใช้ 




นายเอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสถานแห่ง ประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์(วสท.) พร้อมด้วยนางขจีรัตน์ เจนาคม ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ ร่วมลงพื้นตรวจสอบโครงสร้างอาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในซอยมังกร ถนนเยาวราช แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธ วงศ์ กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น ปลูกติดกันจำนวนหลายคูหา เพลิงพุ่งออกมาจากชั้นที่1ของอาคารเลขที่1006 ซึ่งเป็นสถานที่เก็บเสื้อผ้าแฟชั่น ของเล่นเด็ก และอุปกรณ์เครื่องเขียน 


นายเอนก กล่าวว่า จากการตรวจสอบและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเขต พบว่าใช้เวลานานประมาณ 5-6 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ เนื่อง จากติดปัญหาเรื่องแผ่นป้ายสังกะสีชื่อร้านด้านหน้าทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถฉีดน้ำดับได้ในเวลาที่ต้องการ โดยจากการเข้าไปตรวจสอบภายใน ตัวเสาอาคารยังอยู่ในสภาพดี แต่คานและบันได เสียรูปบิดตัว ต้องขอให้งดใช้อาคารไปจนกว่าจะให้วุฒิวิศวกรมาตรวจสอบความปลอดภัย เบื้องต้นสามารถซ่อมแซมได้ในส่วนของคาน และบันได แต่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการและเคราะห์ดีที่อาคารที่ถูกเพลิงไหม้ ไม่ได้ส่งผลต่ออาคารข้างเคียง เนื่องจากตึกเคียงข้างสร้างคนละรอบจึงมีโครงสร้างไม่ต่อกัน  

สำหรับข้อแนะนำที่ วสท.มีให้กับเขต รวมถึง กทม.เนื่องจากในเยาวราช อาคารส่วนใหญ่สร้างมานานหลายร้อยปี ทางเข้าตัวตรอกซอกซอยค่อนข้างแคบ ส่งผลให้การเข้าไปดำเนิการหากมีเหตุทำได้ยากและมักจะมีป้ายโลหะติดหน้าร้านค่อนข้างเยอะส่งผลต่อการดับเพลิง จึงแนะนำให้ไปสร้างความเข้าใจกับเจ้าของอาคารในการปลด หรือลดจำนวนป้ายเพื่อความปลอดภัย ที่สำคัญให้มีการติดตั้งระบบตัดไฟ และปริงเกอร์พ่นน้ำอัตโนมัติป้องกันอหตุฉุกเฉินขึ้น เข้าใจดีว่าประเด็นนี้ในกฎหมายไม่มีการระบุบังคับแต่จากเหตุที่เกิดเป็นอุทาหรณ์ได้อย่างดีที่จะหันมาให้ความสำคัญเรื่องนี้

ด้านผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อเจ้าของอาคารได้ ตอนนี้สั่งห้ามใช้อาคารไปจนกว่าจะมีการยืนยันความปลอดภัยจากวุฒิวิศวกร ส่วนคำแนะนำจาก วสท.เป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหาของข้อกฎหมายที่มีอยู่ ไม่ได้มีการบังคับใช้ และสปริงเกอร์พ่นน้ำในกฎหมายบังคับกับอาคารสูงขนาดใหญ่เท่านั้น อาคารพาณิชย์หรือบ้านเรือนประชาชนไม่ได้บังคับ แต่ได้มอบหมายให้สำนักโยธาเขตเข้าไปตรวจสอบความเป็นไปได้ ในการเรียกเจ้าของอาคารในย่านเยาวราชมาพูดคุยทำความเข้าใจในประเด็นความปลอดภัยในอนาคต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง