กรมการขนส่งทางบกเร่งแก้ปัญหารถควันดำ

กรุงเทพฯ 12 ก.พ. – กรมการขนส่งทางบกขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรวจสอบแก้ไขเครื่องยนต์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ช่วยแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 บนถนนสายหลัก หลังพบ 10 วันจับรถมีค่าควันดำเกินมาตรฐานกว่า 400 คัน 


นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  กรมการขนส่งทางบกได้ส่งผู้ตรวจการฯ ลงพื้นที่สุ่มตรวจสอบรถโดยสารประจำทางในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองสูงและสุ่มตรวจสอบอู่รถโดยสารทั้งขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมบริการ ขสมก. และการตั้งจุดตรวจควันดำรถบรรทุกและรถโดยสาร บนถนนสายหลักโดยรอบกรุงเทพฯ ครอบคลุมพื้นที่ 15 จังหวัด และจุดสำคัญต่าง ๆ เช่น สถานีขนส่งสินค้าชานเมือง ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 จนถึงปัจจุบัน 

นายพีระพล กล่าวว่า วันที่ 1-10 กุมภาพันธ์ 2562 เรียกรถเข้าตรวจ 14,663 คัน พบรถที่มีค่าควันดำเกินร้อยละ 45 จำนวน 412 คัน เป็นรถบรรทุก 357 คัน และรถโดยสาร 55 คัน ได้เปรียบเทียบปรับ 5,000 บาท และพ่น “ห้ามใช้” ทันที โดยจะไม่สามารถใช้งานรถได้จนกว่าจะแก้ไขปัญหาเรียบร้อยและนำรถเข้าตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่ง และออกใบเตือนรถที่มีค่าควันดำระหว่างร้อยละ 30-45 จำนวน 481 คัน เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขให้ค่าควันดำลดลง 


ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกขอความร่วมมือผู้ประกอบการนำรถเข้าตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดและสำนักงานขนส่งสาขาทั่วประเทศได้ทุกวันทำการ เพื่อป้องกันสาเหตุการเกิดควันดำและก่อให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวย้ำว่าได้สั่งการให้สำนักงานขนส่งดำเนินการตามมาตรการ “One Transport ปลอดฝุ่น PM 2.5” ของกระทรวงคมนาคมอย่างเข้มข้นและได้มีการขอความร่วมมือไปยังภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วนร่วมกันบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการขนส่งทั้งรถบรรทุกและรถโดยสารที่ใช้รถเครื่องยนต์ดีเซล ขอให้นำรถเข้ารับการตรวจสภาพก่อนถึงกำหนดรอบชำระภาษีรถ ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562  เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อป้องกันปัญหาการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในกรณีที่ไม่ผ่านการตรวจสภาพตามเกณฑ์ให้ดำเนินการแก้ไขและนำกลับเข้ามารับการตรวจสภาพใหม่ พร้อมกำชับห้ามใช้รถที่มีควันดำโดยเด็ดขาด.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง