สกัดเข้มรถควันดำ มีโทษปรับ-ห้ามใช้ ป้องกันฝุ่น PM2.5

กรุงเทพฯ 11 มี.ค.- ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและอธิบดีกรมควบคุมมลพิษตรวจจุดสกัดรถควันดำ พร้อมระบุ รัฐมีนโยบายเข้มงวด ลงโทษปรับและห้ามใช้จนกว่าจะแก้ไข เพื่อลด PM2.5

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ พร้อมด้วยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานที่จุดตรวจรถยนต์ควันดำ บริเวณหน้าสถานทีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร ตามข้อสั่งการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาลที่เข้มงวดการตรวจจับรถควันดำ “ตรวจจับ ปรับจริง–ห้ามใช้รถควันดำ” และบังคับใช้บทลงโทษสูงสุด เพื่อลดฝุ่น PM2.5 ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

นายธีรภัทรเปิดเผยว่า วันนี้ (11 มี.ค.) คุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดฝุ่น PM2.5ได้ 17-42 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) สำหรับพื้นที่เขตจตุจักร อยู่ในเกณฑ์คุณภาพอากาศดี ตรวจวัดได้ 29 มคก./ลบ.ม. สำหรับจุดตรวจในพื้นที่เขตจตุจักรวันนี้เป็นการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างกรมการขนส่งทางบก กรมควบคุมมลพิษ และกองบังคับการตำรวจจราจร ตรวจสอบรถยนต์ที่สัญจรไปมาบริเวณหน้าสวนจตุจักร 40 คัน พบรถยนต์ควันดำเกินค่ามาตรฐาน 6 คัน

สำหรับผลการตรวจสอบสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 64 ถึง 9 มี.ค. 65 แบ่งเป็น พื้นที่ กทม. ตรวจสอบสะสม 143,752 คัน พบรถยนต์ควันดำเกินค่ามาตรฐานสะสม 38,349 คัน ห้ามใช้สะสม 648 คัน และพื้นที่ต่างจังหวัด ตรวจสอบสะสม 70,522 คัน พบรถยนต์ควันดำเกินค่ามาตรฐาน 933 คัน ห้ามใช้สะสม 993 คัน จากสถิติในภาพรวมพบรถยนต์ควันดำเกินค่ามาตรฐานประมาณ 18 %

นอกจากนั้นในปีนี้จะยกระดับการแก้ไขปัญหา หมอกควัน และฝุ่นละอองใน 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยที่ประชุมอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติฯ และแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2565 อย่างเป็นรูปธรรม

นายอรรถพลกล่าวว่า ขอความร่วมมือเจ้าของรถดูแลบำรุงรักษารถยนต์ไม่ให้เกิดควันดำ เพื่อลดการปล่อยมลพิษโดยเฉพาะในช่วงวิกฤตฝุ่น PM2.5 รวมทั้งให้ประชาชนเข้าใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานท่ามกลางฝุ่นควันดำและสภาพอากาศที่มีความร้อนสูง