กรุงเทพฯ 8 ก.พ. – กรมบัญชีกลางสรุปผลดำเนินงานโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดือนมกราคม 62 มียอดใช้จ่ายกว่า 3,800 ล้านบาท
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้จ่ายเงินสำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ์ 14.5 ล้านราย ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 มกราคม 2562 กว่า 3,826.6 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้จ่ายที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ 3,340 ล้านบาท ร้านค้าชุมชนกองทุนหมู่บ้าน 63.07 ล้านบาท ร้านถุงเงินประชารัฐ 348.73 ล้านบาท ร้านก๊าซหุงต้ม 25.12 ล้านบาท รถไฟฟ้าใต้ดิน 4.8 ล้านบาท รถ บขส. 18.1 ล้านบาท รถไฟ 26.36 ล้านบาท และรถ ขสมก. 67,360.50 บาท
นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางได้โอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ของผู้มีสิทธิ์ โดยโอนเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 50-100 บาทต่อคนต่อเดือน 4,509,666 ราย เป็นเงิน 416.09 ล้านบาท เงินมาตรการชดเชยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้ข้อมูลจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยชำระ แบ่งเป็นร้อยละ 5 โอนเข้ากระเป๋า e-Money เป็นเงิน 7.6 ล้านบาท และร้อยละ 1 เพื่อการออม โอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน (ผู้มีสิทธิ์อาชีพอื่นนอกเหนือจากเกษตรกรและรับจ้างทางการเกษตร) เป็นเงิน 1.37 ล้านบาท บัญชีเงินฝาก ธ.ก.ส. (ผู้มีสิทธิ์อาชีพเกษตรกรและรับจ้างทางการเกษตร) เป็นเงิน 155,310.06 บาท รวมถึงมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 เป็นเงิน 1,443 ล้านบาท
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า สำหรับการแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบ 2 ผ่าน ทางทีมไทยนิยมยั่งยืน 3,042,735 ราย ผู้มีสิทธิ์มารับบัตรฯ 2,937,331 ราย คิดเป็นร้อยละ 96.54 (ข้อมูล ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562) ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางได้โอนเงินตามมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 4 มาตรการ ให้กับผู้ถือบัตรฯ รอบ 2 เรียบร้อยแล้ว โดยโอนเข้ากระเป๋า e-Money ได้แก่ มาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายปลายปี 500 บาทต่อคน เพียงครั้งเดียว ให้กับผู้มีสิทธิ์ 3,021,119 ราย เป็นเงิน 1,511 ล้านบาท มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพ สำหรับผู้มีสิทธิที่มีอายุครบ 65 ปีขึ้นไป 1,000 บาทต่อคน เพียงครั้งเดียว 560,946 ราย เป็นเงิน 561 ล้านบาท มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน สำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีภาระค่าเช่าบ้านและไม่มีที่พักอาศัย 400 บาทต่อคนต่อเดือน 19,506 ราย เป็นเงิน 7.8 ล้านบาท
ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางจะโอนเงินชดเชยค่าไฟฟ้า/น้ำประปาเข้ากระเป๋าเงิน e-Money ตามจำนวนที่ผู้มีสิทธิ์ได้ชำระไว้ตามจริง ทุกวันที่ 18 ของเดือน โดยเริ่มจ่ายเดือนแรก 18 กุมภาพันธ์ 2562.-สำนักข่าวไทย