แอร์พอร์ตเรลลิงก์ลุ้นได้ตั้้งบริษัทลูก

กรุงเทพฯ 26 ม.ค.-แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ลุ้นตั้งบริษัทลูกให้บริหารเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง พร้อมทุนประเดิม 3,000 ล้านบาทมีนาคมนี้ มั่นใจหลังเปิดบริการต้นปี  64 จะมีรายได้ปีละ 1,000 ล้านบาท ปีที่ 7-10 สู่จุดคุ้มทุนและเริ่มมีกำไร


นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท. )หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ( คนร.) มีมติมอบหมายให้ แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ รับ ภารกิจเป็นผู้บริหารการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต ทางแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ คาดหวังว่า กระทรวงคมนาคม จะนำเรื่องการอนุมัติจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อบริหารการเดินรถตามที่รับมอบหมาย ได้ภายในเดือนมีนาคม 2562 หรือภายในรัฐบาลปัจจุบัน โดยการเสนอ ครม. พิจารณาจะครอบคลุมการอนุมัติทุนตั้งต้น 3,000 ล้านบาท และโอนทรัพย์สินขบวนรถ ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย รฟท. จัดซื้อไว้ รวม 25 ขบวน เป็นทุนตั้งต้นมูลค่ารวมประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท

ส่วนเรื่องความพร้อมของบุคลากรนั้น ในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. นี้ จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ชุดแรก 52 คนไปอบรมระบบเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตขบวนรถก่อนที่ในอนาคตพนักงาน 500 คนของ รฟฟท.ก็จะถูกโอนย้ายไปบริษัทบริหารรถไฟฟ้าสายสีแดงทั้งหมด อีกทั้งจะต้องเปิดรับเพิ่มอีก 200 คน เพราะจากการประเมินโครงการต้องมีพนักงานรวม 773 คนในช่วงเริ่มต้น 


“นอกจากการเดินรถแล้ว บริษัทลูกนี้ จะยังได้รับสิทธิ์เป็นผู้บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ของสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงจำนวน 10 สถานีจากทั้งหมด 13 สถานี โดย การรถไฟฯ จะยังบริหารพื้นที่พาณิชย์ สถานีกลางบางซื่อ ดอนเมือง และรังสิต เอง คาดว่ารายได้เชิงพาณิชย์ จะมีสัดส่วนประมาณ 6% ของรายได้จากการเดินรถ โดยรายได้การเดินรถ เมื่อคำนวณ จากฐาน ผู้ใช้เฉลี่ย วันละ 86,000 คนในช่วงเริ่มต้น ค่าโดยสารเฉลี่ยคนละ 32 บาท บริษัทฯจะมีรายได้ประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท ดังนั้นด้วยรูปแบบดังกล่าว ปีที่ 7-10 โครงการจะเริ่มถึงจุดคุ้มทุน เริ่มมีกำไร” นายสุเทพกล่าว

ทั้งนี้ในส่วนของโครงการรแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ในปัจจุบัน รวมถึงขบวนรถทั้ง 9 ขบวน และทรัพย์สินอื่น จะถูกโอนไปรวมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง- สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ซึ่งคาดว่าการประกวดราคาและขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยกับซีพี จะได้ข้อสรุปในเดือนกุมภาพันธ์นี้ -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง