นนทบุรี 2 ก.ย. – รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ระบุภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องทั้งการส่งออก ภาคบริการ และการลงทุนในต่างประเทศ แต่ยอมรับการส่งออกสินค้าของไทยยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวน และมีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขการส่งออกปีนี้จะอยู่ในกรอบใกล้เคียงกับที่ภาคเอกชนคาดการณ์ไว้ติดลบร้อยละ 2 หรือเป็นบวกที่ร้อยละ 2
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์การส่งออกสินค้าของไทยที่ชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมาล้วนเกิดจากปัจจัยภายนอกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวน ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 3.1 เป็นอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 7 ปี ส่งผลต่อความต้องการและปริมาณการค้าโลกชะลอตัว รวมถึงหลายประเทศใช้มาตรการค่าเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับราคาสินค้า เช่น ทองคำ น้ำมัน และสินค้าเกษตรตกต่ำ ซึ่งเป็นการลดลงตามราคาในตลาดโลก แต่ปริมาณการส่งออกส่วนใหญ่ยังเท่าเดิมและส่วนแบ่งตลาดในประเทศต่าง ๆ ยังสูงขึ้น และมีการส่งออกกระจายตัวไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก เพื่อลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ สะท้อนว่าศักยภาพทางการแข่นขันของสินค้าไทยยังไปได้ดี
ทั้งนี้ เห็นว่าขณะที่เศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังฟื้นตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2 ขยายตัวถึงร้อยละ 3.5 สูงสุดในรอบ 13 ไตรมาส และปรับตัวดีขึ้นจากในไตรมาสแรกที่ขยายตัวร้อยละ 3.2 เป็นผลมาจากการปรับตัวดีขึ้นของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การขยายตัวต่อเนื่องของการส่งออกบริการ และการลงทุนภาครัฐ รวมทั้งการลงทุนโดยตรงของไทยในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ดังนั้น การส่งออกสินค้าของไทยที่หดตัวในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา ล้วนเกิดจากปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าปีนี้ภาพรวมการส่งออกของไทยจะอยู่ในกรอบใกล้เคียงกับที่ภาคเอกชน คาดการณ์ไว้ติดลบร้อยละ 2 หรือเป็นบวกที่ร้อยละ 2 หรือคิดเป็นมูลค่าระหว่าง 210,074 – 218,639 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กระทรวงพาณิชย์ยังคงเป้าหมายการทำงานให้การส่งออก ขยายตัวร้อยละ 5 ไว้ตามเดิม เพื่อสะท้อนการทำงานที่มุ่งมั่น ซึ่งการประชุมทูตพาณิชย์ เพื่อทบทวนแผนผลักดันการส่งออกเดือนกันยายนนี้จะยังคงใช้กลยุทธ์ การสร้างความสัมพันธ์เป็นรายประเทศที่เน้นผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งในกลุ่ม CLMV และกลุ่มผู้นำเศรษฐกิจของเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น จีนเกาหลีใต้ และสิงคโปร์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมเจาะลึกเป็นรายภูมิภาค และส่งเสริมยกระดับสินค้า และสินค้าของไทยด้วยการออกแบบ การสร้างแบรนด์ และการแปรรูปโดยใช้นวัตกรรม โดยจะมอบหมายให้ทูตพาณิชย์ หันมาผลักดันสินค้านวัตกรรม แทนการขายสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น สินค้าเกษตรเดิมที่ส่งออกเป็นเพียงวัตถุดิบเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย