กรุงเทพฯ 24 ม.ค. – กลุ่มบางกอก กล๊าส เชื่อว่าหลังเลือกตั้งเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น และขอให้รัฐบาลใหม่มีนโยบายบริหารประเทศต่อเนื่อง ด้านธุรกิจหวังปีนี้ตั้งเป้ามีรายได้รวม 17,000 – 20,000 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10-15
นายปวิณ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) คาดหวังว่าหลังมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง เชื่อว่าบรรยกาศที่มีความชัดเจนจะช่วยให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาพรวมปรับตัวดีขึ้น และช่วยทำให้เศรษฐกิจประเทศในภาพรวมจะปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย สำหรับสิ่งที่ภาคเอกชนคาดหวังจากรัฐบาล คือ ความต่อเนื่องของนโยบายในการบริหารประเทศ เพราะจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนธุรกิจระยะยาว 5 ปี ส่วนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่เกิดขึ้นขณะนี้เชื่อว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ช่วยให้เกิดการจ้างงาน และยังเป็นสิ่งดีที่จะช่วยยกระดับการพัฒนาของประเทศได้ต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท บางกอกกล๊าส ปีนี้คาดว่าทั้งกลุ่มจะมีรายได้รวมประมาณ 17,000 – 20,000 ล้านบาท ด้วยอัตราการเติบโตสูงระดับร้อยละ 10-15 จากปีที่ผ่านมาเติบโตเพียงร้อยละ 4 เนื่องจากตลาดโตลดลงในจำนวนนี้เป็นธุรกิจส่งออกไปต่างประเทศสัดส่วนประมาณร้อยละ 5 เช่น ส่งออกไปยังประเทศเมียนมา สปป.ลาว อินโดนีเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลี แอฟริกาใต้ สเปน สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี เป็นต้น
นายปวิณ กล่าวว่า ปีนี้ธุรกิจโดดเด่นที่สุดของกลุ่ม คือ บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด(มหาชน) หรือ บีจีซี (BGC) ทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้ว คาดว่าจะสร้างรายได้คิดเป็นร้อยละ 70 รองลงมา คือ บริษัท บีจี โฟลต กล๊าส จำกัด หรือ บีจีเอฟ (BGF) ทำธุรกิจจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ซึ่งปีที่ผ่านมาทำรายได้ 2,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะทำรายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท และภายใน 3 ปีรายได้จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับ 5,000-6,000 ล้านบาท และมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอีก 3-5 ปี รองลงไป คือ บริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด หรือ บีจีพี (BGP) ทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ และบริษัท บีจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด หรือ บีจีอี (BGE) ทำธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
นายปวิณ กล่าวว่า กลุ่มบางกอก กล๊าส พอใจราคาหุ้น BGC ที่ขณะนี้หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ล่าสุดพบว่าราคาหุ้นยังคงอยู่สูงกว่าราคานำเสนอขายต่อประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) และยังมีโอกาสที่จะปรับสูงขึ้นได้อีก แม้จะมีการปรับตัวลงบ้างตามพฤติกรรมการซื้อขายหุ้นแต่ละช่วงของนักลงทุนในภาพรวม สำหรับบีจีซี ทำธุรกิจจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วที่มีกำลังการผลิตอันดับ 1 ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ด้วยกำลังการผลิต 3,495 ตันต่อวัน.-สำนักข่าวไทย