กรุงเทพฯ 23 ม.ค. – กนอ.ผนึก กฟน.-ทีโอที-SME D Bank ร่วมเดินหน้าโครงการความร่วมมือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค จังหวัดระยอง เชื่อมั่น “เลือกตั้ง” ไม่ทำให้โครงการสะดุด
วันนี้ (23 ม.ค.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือกับพันธมิตร 3 ฝ่าย ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือทีโอที และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ในการศึกษา“โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบดิจิทัลและสื่อสารโทรคมนาคมอัจฉริยะ (Smart Digital/Telecommunication) และบันทึกความร่วมมือโครงการพัฒนาพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy)” ในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะก้าวไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในอนาคต ทั้งด้านการวางระบบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ระบบให้บริการธุรกรรมทางการเงิน การใช้พลังงานอัจฉริยะที่สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการร่วมกันพัฒนา Smart Park ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง พื้นที่ 1,500 ไร่ เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2,800 ล้านบาท คาดจะเริ่มเปิดดำเนินการปี 2565 กนอ.ประเมินจะมีเม็ดเงินลงทุนจากเอกชนในพื้นที่ 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve ประกอบด้วย 1.หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม (ROBOTICS) 2.อุตสาหกรรมการบิน และโลจิสติกส์ (AVIATION AND LOGISTICS) 3.อุตสาหกรรมดิจิทัล (DIGITAL) 4.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (BIOFUELS AND BIOCHEMICALS) 5.อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (MEDICAL HUB) ซึ่งเบื้องต้น บมจ.ปตท.และบริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด หรือบีไอจี (BIG) ได้แสดงความสนใจลงทุนลงนามสัญญาร่วมทุนโครงการหน่วยแยกอากาศ โดยใช้พลังงานความเย็นเหลือทิ้งจากก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ในการผลิตก๊าซอุตสาหกรรม หรือ Air Separation Unit (ASU) ในพื้นที่นี้ตามโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC)
น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการ กนอ. เปิดเผยว่า แม้มีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลชุดใหม่ แต่คาดว่าไม่มีผลกระทบต่อโครงการนี้ เพราะเป็นนโยบายที่ดีส่งเสริมการลงทุน และโครงการนี้อยู่ระหว่างการจัดทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ก็ตาม โดยตั้งเป้าหมาย EIA ผ่านความเห็นชอบในปีนี้. -สำนักข่าวไทย