สำนักงานอัยการสูงสุด 24 ธ.ค.-อัยการสูงสุด ขอตรวจสอบข้อเท็จริงกรณี ผกก.สน.คันนายาว ร้องตรวจสอบจริยธรรม ‘ปรเมศวร์’ ย้ำคนให้ข่าว หรือความเห็นต้องเป็นทีมโฆษก
หลังจาก พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการข้าราชการอัยการ เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด เข้าข่ายละเมิดจริยธรรมและวินัยของข้าราชการอัยการหรือไม่ หลังไปออกรายการให้สัมภาษณ์เนื้อหาชี้นำคดี รวมทั้งโจมตีการทำงานพนักงานสอบสวนในคดี นายสุรัตน์ แผ้วเกตุ หรือพี่คล้าว 2018 ถูกตำรวจ สน.คันนายาว แจ้ง 4 ข้อหา เกี่ยวกับการเรี่ยไรเงินเพื่อนำไปซื้อควายเจ้าทองคำ ในราคา 100,000 บาท นั้น
นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ได้รับเรื่องมาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยรับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้คงต้องขอเวลาตรวจสอบ ว่าสิ่งที่ร้องมามีหลักฐานมากพอหรือไม่ และมูลเหตุข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก่อนจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ส่วนกรณีนี้จะมีผลต่อการที่เจ้าหน้าที่อัยการจะไปออกสื่อให้สัมภาษณ์ตามรายการต่างๆ ว่าจะต้องมีข้อห้าม หรือต้องกำชับอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษหรือไม่นั้น รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ตามปกติหน่วยงานของราชการไม่ว่าจะหน่วยงานไหน ก็ต้องมีระเบียบในการ ที่จะให้ข่าว หรือให้สัมภาษณ์ ที่จะต้องมีทีมโฆษกที่จะคอยให้ข่าว ตอบคำถามที่สังคมต้องการคำตอบอยู่แล้ว ตามหลักการทางราชการจะไม่อนุญาตให้ข้าราชการแต่ละคนไปให้สัมภาษณ์สื่อด้วยตัวเอง ทุกอย่างต้องผ่านทีมโฆษกของหน่วยราชการนั้นๆของอัยการก็เช่นกัน
“ส่วนในกรณีนี้อย่างที่ผมเรียนการไปออกสื่อไปให้สัมภาษณ์ ถ้าเกี่ยวข้องกับข้อมูลวิชาการก็สามารถทำได้ ถ้าให้ความรู้ หลักการเรียนการสอนทางกฎหมาย และไม่กระทบกับองค์กรก็อยู่ในวิสัยที่สามารถทำได้” รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าในกรณีนี้ทำให้ภาพของสำนักงานอัยการเสียหายหรือ ไม่ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คือจริงๆเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราพยายามชี้แจงอยู่ตลอดเวลา เพราะบางทีสื่อก็อยากได้ข่าว ถ้าหาข่าวที่ไหนได้ ก็จะไป อันนี้ก็เป็นธรรมชาติของสื่อก็ไม่ว่ากัน แต่เรื่องนี้ต้องเรียนว่า จริงๆ แล้ว คนที่จะให้ข่าวเป็นทางการ หรือพูดในนามของสำนักงานอัยการก็ต้องเป็นทีมงานโฆษก .-สำนักข่าวไทย