ม.มหิดล 14 ธ.ค.- ซุปเปอร์โพล เผยผลสำรวจภาคสนาม กฎหมายกระท่อม กัญชา พบส่วนใหญ่เชื่อเป็นยารักษาโรคได้ และสนับสนุนเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้เป็นพืชยารักษาโรค
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ซุปเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจ ภาคสนามเรื่องกฎหมายกระท่อม กัญชา กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,055 ตัวอย่าง ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ถึง 14 ธันวาคม 2561
พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 81.65 เคยได้ยินประโยชน์ของกัญชา ร้อยละ 69.89 เคยได้ยินประโยชน์ของกระท่อม โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.91 เชื่อว่ากัญชาเป็นยารักษาโรคได้ และร้อยละ 61.31 เชื่อว่ากระท่อม เป็นยารักษาโรคได้
อย่างไรก็ตามที่น่าพิจารณาคือส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 95.41 ไม่ยินยอมให้ต่างชาติ มาจดทะเบียนสิทธิใช้ประโยชน์ จากกัญชาของประเทศไทย และร้อยละ 96.14 ไม่ยินยอม ให้ต่างชาติมาจดทะเบียนสิทธิ ใช้ประโยชน์จากกระท่อมของประเทศไทย
เกินครึ่งหรือร้อยละ 55.84 เชื่อมั่นแก้กฎหมายกัญชาและกระท่อม ไม่ยอมให้ต่างชาติแทรกแซง ในขณะที่จำนวนมากหรือร้อยละ 44.16 ไม่เชื่อมั่น
นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.46 สนับสนุนเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้กระท่อม กัญชาจากพืชยาเสพติดเป็นพืชยารักษาโรคได้
การนำเสนอผลโพล ยังมีผู้เกี่ยวข้อง ด้านกฎหมาย นายจิตรนรา นวรัตน์ รอง ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด นำเสนอแง่มุมของร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ว่าจะสามารถทำให้ การนำกัญชามาใช้ประโยชน์ในการศึกษาวิจัยเป็นไปได้อย่างถูกต้องเช่น
มาตรา 54 ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ส. เห็นสมควรเพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย การลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดและการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดจะกำหนดเขตพื้นที่ หนึ่งพื้นที่ใดเพื่อกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ต่อไปนี้ก็ได้
1. ทดลองเพาะปลูกพืชที่เป็นหรือให้ผลผลิต เป็นยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ หรืออาจใช้ผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์
2. ผลิตและทดสอบเกี่ยวกับยาเสพติด
3. เสพหรือครอบครองยาเสพติดตามประเภทและปริมาณที่กำหนด
ทำให้การกำหนดพื้นที่และการกระทำตามนั้นต้องมีมาตรการควบคุมและตรวจสอบและไม่เป็นความผิด ก็จะทำให้การนำกัญชามาใช้วิจัยเพื่อการรักษาโรคเป็นไปได้อย่างถูกต้องมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย