ปราจีนบุรี 8 ธ.ค.- ผู้สื่อข่าวปักหลักพิสูจน์ความจริงผีกระสือเมืองปราจีนบุรี ขณะที่มีจอมขมังเวทย์อาสาปราบหากเป็นกระสือจริง แต่เชื่อว่าอาจเป็น “ว่านโพง” หรือ “คตปลวก”
เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา สื่อหลายสำนักเดินทางไปเกาะติดพิสูจน์ความจริง กระแสข่าวอ้างว่ามีผู้พบเห็น “กระสือ” ที่มีผู้เห็นว่าเป็นดวงไฟสุกสว่าง ดวงโต สีส้มอมเขียว บริเวณขอบสระเลี้ยงปลา ริมรั้วบ้านร้างแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.ท่างาม อ.เมืองปราจีนบุรี ซึ่งบางคนเชื่อว่าน่าจะเป็นคนที่เคยเล่นของหรือคุณไสย มนต์ดำ แต่ควบคุมของไม่ได้จนถูกเข้าสิงและกลายเป็นดวงไฟ
ขณะที่บางคนเชื่อว่า แสงที่เห็นเป็นแสงของ “ว่านโพง” (ตำราเก่าเรียกว่า “โพงบอน”) เป็นต้นว่านชนิดหนึ่ง ที่โตเต็มที่แล้วจะมีแสงเรืองลอยขึ้นมา จนคนคิดว่าเป็นกระสือ แต่มีข้อมูลว่ากลุ่มที่เล่นมนต์ดำมักนำว่านโพงมาหุงและเคี่ยวกับน้ำมันตามตำรา เชื่อว่าจะสามารถป้องกันตัวหลบรอดให้พ้นจากศัตรู
ผู้สื่อข่าวมีโอกาสพบกับนางจิตรา ปล้อมทอง สมาชิก อบต.ท่างาม หนึ่งในผู้ที่พบและเห็นดวงไฟบ่อยครั้ง ให้ข้อมูลว่า ตนมีอาชีพทำนา เมื่อข้าวออกรวงจะมานอนเฝ้าข้าว ช่วงกลางคืนเคยพบเห็นลูกไฟดวงโตสีส้ม เดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไร กระทั่งมีข่าวลือเรื่องกระสือ จึงคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ไม่กล้ายืนยัน พร้อมระบุว่า ดวงไฟดวงกลมดังกล่าวได้ลอยสวนทางลมไปยังบ่อปลาและหายไป สอดคล้องกับความเชื่อว่ากระสือกินของสดของคาว
นายเกษม นวลจันทร์ สมาชิก อบต.ท่างาม ซึ่งชาวบ้านขนานนามว่า “จอมขมังเวทย์” เพราะมีวิชาอาคม ให้ข้อมูลว่า แสงดังกล่าว ไม่น่าจะใช่กระสือ เพราะถ้าเป็นกระสือต้องมีหัว ที่เห็นคาดว่าอาจจะเป็น “ว่านโพง” หรือ “คตปลวก” (ของหายากในรังปลวก คล้ายก้อนหิน) ซึ่งทั้ง 2 อย่างเป็นของมีอิทธิฤทธิ์และหายากมาก แต่ถ้าหากแสงดังกล่าวเป็นกระสือจริง ตนพร้อมอาสาปราบเอง โดยไม่คิดค่าแรง
อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 23.00 น. มีผู้อ้างว่าพบเห็นดวงไฟกลมโตปรากฏขึ้นมาบริเวณจุดเดียวกันกับที่พบเมื่อคืนก่อน แต่เป็นเวลาสั้นๆ จึงไม่มีใครสามารถถ่ายภาพไว้ได้
สำนักข่าวไทย สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์พระนักเทศน์ พระมหาไพรวัลย์ วัดสร้อยทองให้ข้อมูลถึงกรณีดังกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต้องถามกลับว่าคนที่แห่ไปดูสิ่งที่เรียกว่าผีกระสือนั้น ไปดูแล้วได้อะไร เพราะที่ผ่านมามีใครเคยเห็นกระสือตัวเป็นๆ บ้าง ทั้งที่ยุคนี้มีกล้องวงจรปิด และกล้องมือถือที่ถ่ายภาพได้ แต่ไม่เคยปรากฏภาพ จึงมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง พร้อมเตือนสติคนไทย อย่าเชื่องมงายเรื่องภูติผีปีศาจ
สิ่งที่น่ากลัวมากกว่าผี คือคนที่มาหลอกคนด้วยกันอีกที เพราะก่อนหน้านี้เคยมีข่าวคนปลอมตัวทำเป็น “ผีกองกอย” มาหลอกต้มตุ๋น สะท้อนว่าคนไทยเราไม่เข็ดหลาบกับเรื่องทำนองนี้ พร้อมฝากให้ใช้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่สอนให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบัน หมั่นทำความดี มากกว่าเรื่องผีที่มองไม่เห็น.-สำนักข่าวไทย