กรุงเทพฯ 3 ธ.ค. – กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมเชื่อมระบบอายัดการชำระภาษีประจำปีกับผู้ที่ไม่ชำระค่าปรับจราจร หลังมีผู้ค้างชำระใบสั่งทั่วประเทศปีนี้กว่า 11 ล้านราย เพราะไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ในปีหน้า กรมการขนส่งทางบก จะเชื่อมระบบอายัดการชำระภาษีประจำปีกับผู้ที่ไม่ชำระค่าปรับจราจร เพื่อนำมาบังคับใช้กับผู้ที่ไม่มาชำระค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งนี่จะถือเป็นการยกระดับวินัยจราจร และสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน โดยระบบนี้จะเป็นการเชื่อมโยงฐานข้อมูลใบสั่งของผู้ทำผิดกฎจราจรแบบออนไลน์ ซึ่งขณะนี้มีการพัฒนาระบบไว้รองรับเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังต้องประชุมวางแนวทางหลักเกณฑ์เพิ่มกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง
หนึ่งในประเด็นหารือที่กรมการขนส่งทางบกเร่งรัด คือ การอุทธรณ์ใบสั่งของประชาชน ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาด ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องตัดสินใจ เช่น การโดนใบสั่งในหลายพื้นที่ หรือการโดนใบสั่งจากการสวมป้ายทะเบียน ส่วนการให้บริการเบื้องต้นในกรณีผู้ที่มาขอต่อภาษียานพาหนะ แล้วยังไม่ได้ชำระค่าปรับ ก็จะยังต่อภาษีได้ โดยกรมขนส่งทางบกจะออกป้ายวงกลมชั่วคราว 30 วัน ลักษณะคล้ายเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีให้ก่อน เพื่อให้เวลาเคลียร์โทษทั้งหมด ซึ่งหากไม่ทำตามในเวลาที่กำหนด ก็จะถูกอายัดทะเบียน และมีความผิดในข้อหาไม่ต่อภาษี โดยจะมีโทษปรับ 2,000 บาท
ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก ซึ่งมีการเก็บสถิติทะเบียนและภาษีรถทั่วประเทศ พบว่าในปี 2560 มีผู้นำรถมาต่ออายุทะเบียนและชำระภาษีกว่า 29 ล้านคัน
ส่วนสถิติใบสั่งในระบบพีทีเอ็มของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นระบบจัดการใบสั่งผู้กระทำผิดกฎจราจร ที่มีการออกใบสั่งทั่วประเทศ พบว่าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีการออกใบสั่ง รวมกว่า 13 ล้านราย แต่มีผู้ชำระเพียง 2 ล้านรายเท่านั้น เหลือค้างชำระกว่า 11 ล้านราย ซึ่งสาเหตุหลักที่ผู้ได้รับใบสั่งไม่มาชำระ เพราะไม่เกรงกลัวกฎหมาย และการเชื่อมระบบกับกรมการขนส่งทางบก เพื่ออายัดทะเบียนรถผู้ที่ไม่มาชำระค่าปรับ ยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้ สตช.เร่งรัดการเชื่อมฐานข้อมูลระบบใบสั่งออนไลน์ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ขณะเดียวกันก็คาดว่า ในอนาคตหากมีการเชื่อมระบบใบสั่งกับการต่อภาษียานพาหนะ จะส่งผลให้ประชาชนมาต่อภาษีลดลง เพราะไม่ต้องการชำระค่าปรับเป็นก้อน. – สำนักข่าวไทย