กรุงเทฯ 28 พ.ย.- 2 สาวเหยื่อศัลยกรรมเสริมหน้าอกจากคลินิกย่านรังสิต เข้าร้องตำรวจปราบปรามคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อขอให้ตรวจสอบดำเนินคดีคลินิครับทำศัลยกรรม หลังเชื่อว่าเป็นขบวนการหลอกทำศัลยกรรมหญิงสาวจนเป็นอันตราย
หญิงสาวที่ได้รับความเสียหายจากการทำศัลยกรรมเสริมความงามหน้าอก อีก 2 ราย จากคลีนิคย่านเมืองเอกรังสิต นำเอกสารหลักฐานเข้ายื่นต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับเจ้าของคลินิก ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และโฆษณาเกินจริง รวมถึงขอให้ตรวจสอบว่ามีลักษณะทำเป็นขบวนการหรือไม่
โดยผู้เสียหาย เล่าว่า รู้จักคลินิกดังกล่าวผ่านการโฆษณาทางเฟสบุ๊ค อีกทั้งแพทย์ที่ทำมีความหน้าเชื่อถือ และ มีโปรโมชั่น จึงตัดสินใจวางเงินมัดจำ 2 หมื่นบาท ก่อนวันผ่าตัดจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 2 หมื่นบาท รวม 4 หมื่นบาท ซึ่งในวันผ่าตัดคลินิคได้นัดให้ไปทำศัลยกรรมที่คลินิกย่านเมืองเอก ซึ่งอ้างว่าเป็นอีกสาขาหนึ่งของคลินิกชื่อดังย่านลาดพร้าว อีกทั้งแพทย์ที่ทำการศัลยกรรมก็เป็นคนละคนกับที่เลือกไว้ และหากต้องการทำศัลยกรรมกับแพทย์ตามที่เลือกไว้ก็จะต้องเพิ่มเงินอีกเกือบเท่าตัว และหากเลือกไม่ใช้บริการก็จะไม่ได้รับเงินคืน ประกอบกับตนเองเป็นเจ้าของร้านสุรา จำเป็นต้องรักษารูปร่าง จึงตัดสินใจทำ ทั้งนี้หลังการผ่าตัดและกลับไปรักษาตัวที่บ้าน ก็พบว่าแผลมีอาการปวดบวม ถึงขั้นเริ่มมีหนองไหลออกมา จึงสอบถามไปทางคลีนิก ก็บอกว่าจะรับผิดชอบค่ารักษาให้เพียง 1 หมื่นบาทเท่านั้น กระทั่งทุกวันนี้ผ่านมาประมาณ 3 เดือนแล้ว ปรากฏว่าแผลผ่าตัดยังมีรอยแผลเป็นสีแดง และผลการทำศัลกรรมยังทำให้ฐานหน้าอกไม่เท่ากันอีกด้วย
ด้านนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการติดต่อจากผู้เสียหายหลายรายที่อยู่ตามต่างจังหวัด ที่เคยทำศัลยกรรมกับคลินิกแห่งนี้ ซึ่งยืนยันว่ามีนายหน้าไปโฆษณาชักชวน มีหลักฐานข้อความสนทนาที่ผู้เสียหายส่งมาให้ดูสามารถยืนยันได้ จึงเชื่อว่าเรื่องนี้มีการทำเป็นขบวนการ ขณะที่ตนเองได้ตรวจสอบไปที่เฟสบุ๊คของคลินิกดังกล่าวพบว่ามีความเคลื่อนไหว เช่น การเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำ คล้ายเป็นการปกปิดอะไรบางอย่าง ทั้งนี้ขอให้ทางตำรวจออกหมายเรียกตัวบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้า มาสอบปากคำรวมถึงเชิญคลินิกย่านลาดพร้าวที่ถูกแอบอ้างชื่อมาให้ข้อมูลเพื่อพิสูจน์ว่าทั้ง 2 คลินิกมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่อย่างไร
ขณะที่ตำรวจ ปคบ. ระบุว่า ตอนนี้ยังต้องสอบปากคำผู้เสียหายก่อน พร้อมประสานไปยังสาธารณะสุขประจำจังหวัด และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลงพื้นที่ไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป เบื้องต้นคาดว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ข้อหาโฆษณาเกินจริง ส่วนข้อหาอื่นๆยังรอการพิจารณาอยู่ .-สำนักข่าวไทย