กรุงเทพฯ 9 พ.ย. – กัญชายังถือเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 และไม่อนุญาตให้นำมาใช้ทางการแพทย์ แต่ปัจจุบันพบมีทั้งผู้ผลิตและผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็ง ลักลอบใช้ เพราะเชื่อว่าจะได้ผลดี จึงมีการเรียกร้องให้ปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์โดยเร็ว คาดว่าอาจช่วยลดการลักลอบใช้สารสกัดกัญชาผิดกฎหมายได้ ติดตามรายงานพิเศษเรื่อง “เสนอปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์” วันนี้นำเสนอเป็นตอนที่ 2
นี่เป็นน้ำมันกัญชาที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ และผสมกับน้ำมันมะพร้าวพร้อมใช้ เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง เครือข่ายผู้ใช้กัญชาแห่งประเทศไทย ระบุว่า ในนี้มี THC สารสำคัญที่งานวิจัยรับรองว่า สามารถระงับเซลล์มะเร็งได้
เครือข่ายผู้ใช้กัญชาฯ ซึ่งผลิตน้ำมันกัญชารูปแบบนี้ ยอมรับว่า ซื้อกัญชาแห้งมาจากตลาดมืด ราคากิโลกรัมละ 10,000-15,000 บาท แต่ละเดือนต้องใช้กัญชาอัดแท่งกว่า 10 กิโลกรัม สกัดทำเป็นน้ำมันกัญชาได้ 1,000 ซีซี โดยขายซีซีละ 100 บาท มีทั้งที่ขายและแจกฟรี
ผู้คิดสูตรส่วนผสมและสกัดน้ำมันกัญชานี้ คือ “ลุงตู้” ประธานเครือข่ายผู้ใช้กัญชาฯ เขาผลิตแจกจ่ายและถ่ายทอดมาแล้ว 5 ปี เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็ง ลมชัก และพาร์กินสัน แต่ละวันจะมีผู้ป่วยมาซื้อน้ำมันกัญชา และขอคำปรึกษาเรื่องวิธีการสกัด ณ สถานที่ที่เครือข่ายผู้ป่วยมะเร็งรู้จัก หรือที่เรียกกันว่า พรรคเขียว
ญาติผู้ป่วยคนนี้ยอมจ่ายเงินซื้อน้ำมันกัญชา ปริมาณ 10 ซีซี ในราคา 1,000 บาท เพื่อนำไปใช้รักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย หลังแพทย์วินิจฉัยว่า ไม่สามารถทำคีโมและผ่าตัดได้
นอกจากการแนะนำวิธีสกัดและจำหน่ายสารสกัดน้ำมันกัญชา “ลุงตู้” ซึ่งเป็นที่พึ่งของผู้ป่วยมะเร็งที่หมดหวังจากการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน ยังไปพบปะเยี่ยมเยียนผู้ป่วยมะเร็งที่อาการหนักตามบ้าน อย่างคนนี้เป็นผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย นอนติดเตียง แพทย์กำหนดให้เขาต้องทำคีโม 8 ครั้ง แต่ทำได้เพียง 2 ครั้ง เพราะไม่มีเงินค่ารักษา เชื้อมะเร็งลามไปยังกระดูก และแพทย์ระบุว่าไม่สามารถรักษาได้แล้ว เขาจึงเป็นคนที่ “ลุงตู้” เลือกที่จะให้ทดลองใช้น้ำมันกัญชา
ที่ผ่านมาเครือข่ายผู้ใช้กัญชาแห่งประเทศไทย ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนของผลเลือดและค่าเซลล์มะเร็งของผู้ป่วยที่ใช้สารสกัดน้ำมันกัญชา มีเพียงคำบอกเล่าที่ว่า ใช้แล้วอาการดีขึ้น บางรายหายขาด แต่ก็มีหลายรายเสียชีวิต
ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ต้องการใช้กัญชารักษาโรคมะเร็งจำนวนมาก กลุ่มคนที่สนับสนุนจึงเห็นด้วยกับแนวคิดปลดล็อกกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ให้ได้โดยเร็ว พร้อมเสนอให้มะเร็งเป็นอีกหนึ่งโรคที่นำสารสกัดจากกัญชามาใช้ได้ทันทีที่ปลดล็อกทางกฎหมาย เพิ่มจาก 4 กลุ่มโรคที่ระบุก่อนหน้านี้ โดยไม่ต้องวิจัยเพิ่มเติม เพื่อลดการลักลอบใช้ของผู้ป่วย ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายและมีความเสี่ยง เพราะการผลิตอาจไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการแพทย์และตำรับยา
ขณะเดียวกัน หากกระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนกัญชาจากสารเสพติดให้โทษประเภท 5 เป็นประเภท 2 ซึ่งหมายถึงใช้ในการแพทย์ได้ แต่ต้องอยู่ในการควบคุม และจะมีผลให้ยาที่ผ่านการขึ้นทะเบียนใช้ได้ทันที แต่ในไทยยังไม่มีตำรับยาที่มีกัญชาขึ้นทะเบียน จึงต้องใช้การนำเข้า ส่วนในแพทย์แผนไทย มีตำรับยาโบราณ คือ น้ำมันสนั่นไตรภพ ที่มีส่วนผสมของกัญชา และสามารถผลิตเพื่อให้ผู้ป่วยที่มีอาการท้องมานจากมะเร็งตับกิน เพื่อลดความทรมานจากโรคร้ายได้ทันที. – สำนักข่าวไทย