ทำเนียบฯ 16 ต.ค.-นายกฯ แจงเปิดโซเชียลฯ ส่วนตัว หวังเป็นช่องทางสื่อสารกับประชาชนโดยตรง ยืนยันไม่ใช่การหาเสียง พร้อมยอมรับทุกคำวิจารณ์ และตอบคำถามด้วยตนเอง ขอให้ช่วยติดตามและกดไลค์ และอย่าใช้คำที่ไม่สุภาพ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงเหตุผลในการเปิดช่องทางการสื่อสารผ่านทางโซเชียลมีเดีย ว่า ตนถือเป็นมือใหม่ และเมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล และการเดินหน้าตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งตนถือเป็นคนในยุคเบบี้ บูมเมอร์ (กลุ่มบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 49 ปีขึ้นไป ที่อาจไม่เก่งเรื่องโซเชียล) จึงจำเป็นต้องปรับตัวและใช้ให้เป็น
“ปัจจุบันมีการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้นเรื่อย ๆ และถือเป็นการเปิดช่องทางให้ประชาชนอีกช่องทางหนึ่งในการวิพากษ์วิจารณ์ได้ ซึ่งมีทั้งคนที่เข้ามาชมและเข้ามาต่อว่า เรื่องใดที่เป็นประโยชน์จะนำมาพิจารณาดำเนินการ ต้องเปิดใจกว้างให้มากขึ้น ต้องยอมรับฟังคำติชม แต่ขอเพียงว่าให้ใช้คำสุภาพ เพราะหากใช้คำไม่สุภาพ อาจส่งผลต่อเยาวชนที่เข้ามาติดตามได้ อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่ชอบ ก็คือไม่ชอบ ไม่ว่าจะพูดอะไร ทำอะไรดี ๆ ก็ไม่ชอบอยู่ดี เพราะฉะนั้นต้องไปดูว่าสิ่งที่เขาตำหนิมา ใช่ข้อเท็จจริงหรือไม่ ถ้าใช่ข้อเท็จจริง เราก็แก้ไข อันไหนที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ก็ชี้แจงได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การเปิดเพจเฟซบุ๊คครั้งนี้ ไม่ได้ใช้งบประมาณใด ๆ เป็นการเปิดแบบปกติ เช่นเดียวกับคนทั่วไป ที่ไม่เสียใช้จ่าย และเชิญชวนขอให้ทุกคนไปกดไลค์ (like) และขอให้ติชมในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่หยาบคาย อะไรที่ตนตอบได้ ก็จะตอบ และมีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะทำงานติดตามเรื่องนี้ โดยจะรวบรวมข้อซักถามต่าง ๆ มาทุก 3-5 วัน และตนจะเป็นผู้ตอบข้อซักถามเอง ส่วนที่ตั้งชื่อเพจโดยไม่มียศนำหน้านั้น เพาะต้องการให้สั้น กระชับที่สุด
“ขอยืนยันว่าการเปิดเพจต่าง ๆ ไม่ได้เป็นการหาเสียง หรือเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น เพราะพรรคการเมืองต่าง ๆ ก็ดำเนินการเช่นนี้ จึงขอให้ความเป็นธรรมกับผมด้วย อีกทั้งไม่ได้ปิดกั้นการลงพื้นที่ หรือการจัดกิจกรรมของพรรคการเมืองต่าง ๆ แต่การดำเนินการต้องเป็นไปตามกฎหมายและความเหมาะสม ไม่ทำให้เกิดความรุนแรง ซึ่งขณะนี้ คสช.ก็ได้อนุโลมไปหลายเรื่อง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาแสดงความคิดเห็นในอินสตาแกรม ว่า ขอบคุณทุกความเห็น ใครให้กำลังใจตน ก็จะให้กำลังใจกลับเช่นกัน เพราะตนไม่ใช่ศัตรูของใคร และหากใครมีปัญหาทางกฎหมาย ให้ไปต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม และตนจะไม่เข้าไปก้าวล่วง ทุกอย่างทำตามหลักฐานที่มีอยู่
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยถ้อยคำรุนแรงนั้น จะมีการฟ้องร้องหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากจะเอาผิด ก็สามารถทำได้ทั้งหมด ที่มีการแสดงความเห็นด้วยคำไม่สุภาพ ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตสำนึกว่าอยากให้ลูกหลานที่มาเห็นเป็นเช่นนั้นหรือไม่ และอยากให้ช่องทางสื่อสารนี้เป็นช่องทางที่บริสุทธิ์ ให้เยาวชนสามารถแสดงความเห็นได้ แต่ทั้งนี้ตนยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะไม่ได้เป็นอย่างเช่นที่กล่าวหา และไม่ได้โกรธใคร ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยฟ้องร้องใคร แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณา หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิส่วนบุคคลและบิดเบือนข้อเท็จริง ซึ่งตนจะอดทนให้ถึงที่สุด เพราะเป็นนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย